จากกรณีชาวบ้านร้องเรียนนายทุนใช้ให้รถแบ็กโฮ 2 คัน ลงไปลุยขุดดินในทะเลขึ้นมาทำคันถนนให้รถแบ็กโฮขับลงไปขุดร่องวางท่อสูบน้ำขนาดใหญ่ในทะเลยาว 200 เมตร เพื่อสูบน้ำเข้าฟาร์มเพาะเลี้ยงกุ้งของบริษัท มรกตฟาร์ม จำกัด บริเวณชายหาดหมู่ 13 ตำบลบางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่ง
หลังนำเสนอข่าวได้มี น.อ.กิตติพงษ์ พุ่มสร้าง รอง ผอ.ศร.ชล.จ.ชุมพร ทสจ.ชุมพร นายคำรณ อินทร์จันทร์ ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาชุมพร ผอ.ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) ผอ.ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลน จ.ชุมพร นักวิชาการชำนาญการ ทสจ.ชุมพร และผู้บริหารท้องถิ่น รวมกว่า 30 คน ลงพื้นที่ตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่ามีการกระทำที่ผิดจริง ไม่ปฏิบัติตามแบบที่ขออนุญาตก่อสร้างวางสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ พร้อมตั้งคณะทำงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินมาตรการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ น.ส.ชิดสุภางค์ ชำนาญ เลขานุการสมาคมเพื่อนสิ่งแวดล้อมชุมพร ในฐานะคณะอนุกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จ.ชุมพร มองว่าจากภาพข่าวที่ปรากฏผู้ประกอบการได้ใช้เครื่องมือหนักขนาดใหญ่คือรถแบ็กโฮจำนวน 2 คัน ลงไปลุยขุดทะเลเป็นบริเวณกว้าง ได้ส่งผลกระทบและมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ถือว่าการกระทำความผิดสำเร็จแล้วเรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องต้องแจ้งความดำเนินคดีแก่บริษัทดังกล่าว มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นการละเว้นต่อหน้าที่ ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
นายคำรณ อินทร์จันทร์ ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาชุมพร ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ชัยณรงค์ สุตะนา รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปากน้ำหลังสวน พร้อมกับนำชี้ยังจุดที่เกิดเหตุเพื่อให้ดำเนินคดีกับ บริษัท มรกตฟาร์ม จำกัด โดยกล่าวหาว่า ขุดลอกร่องน้ำทางเดินเรือโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ความผิดตามมาตรา 120 พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 จนกว่าคดีจะถึงที่สุด โดยพนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกไว้เป็นคดีอาญาที่ 182/63 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป