นายสมดี คชายั่งยืน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร มีคำสั่งด่วนถึงนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทั้ง 8 อำเภอว่า ได้รับคำสั่งจากกระทรวงมหาดไทย มีการฉีกทำลายบัญชีผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงประชามติที่ติดประกาศไว้ รวมทั้งเหตุการณ์ปล่อยข่าวสร้างความสับสนทางสื่อโซเชียลมีเดียวให้ระวังการตรวจรายชื่อผู้มีสิทธิลงคะแนนประชามติทางระบบสารสนเทศของกรมการปกครอง จะทำให้ข้อมูลประชาชนไม่ปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งคาดว่าช่วงนี้จะมีการกระทำด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อสร้างความสับสนในการลงประชามติ หรือบิดเบือนการลงประชามติด้วยวิธีการต่างๆ
ขณะที่นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการปกครองท้องที่ กรมการปกครอง ได้ส่งข้อความผ่านไลน์ไปยังกลุ่มชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านฯ17 จังหวัดภาคเหนือด้วยเกี่ยวกับคำสั่งกระทรวงมหาดไทยในการช่วยกันเฝ้าระวังเหตุป่วน หรือบิดเบือนการลงประชามติรัฐธรรมนูญในช่วงเวลานี้ เพราะจะมีการสร้างสถานการณ์เพื่อให้ประชาชนสับสน ดังนั้นกำนันผู้ใหญ่บ้านต้องช่วยกันชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน รวมทั้งช่วยกันสอดส่องดูแลความสงบเรียบร้อย
อย่างไรก็ตามกระทรวงมหาดไทย โดยนายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ออกคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และฝ่ายปกครองทุกจังหวัดพื้นที่เฝ้าระวัง เพราะคาดว่าในช่วงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จะมีการกระทำด้วยวิธีการต่างๆเพื่อสร้างความสับสนในการลงประชามติ หรือบิดเบือนด้วยวิธีการต่างๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและรักษาความสงบเรียนร้อยในพื้นที่ จึงได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกจังหวัด ดำเนินการดังนี้
1.กรณีการฉีกทำลายบัญชีผู้มีสิทธิลงคะแนนประชามตินั้น ให้จังหวัดเร่งประสานงานกับ คณะกรรมการการเลือกตั้งในฐานะผู้เสียหาย (เจ้าของกรรมสิทธิ์บัญชีผู้มีสิทธิลงคะแนน) เพื่อไปแจ้งความกับเจ้าพนักงานตำรวจโดยเร็ว และให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตรวจสอบบุคคลแปลกหน้าหรือกลุ่มวัยรุ่นที่อาจถูกจ้างวานให้เข้าไปทำลายบัญชีผู้สิทธิลงคะแนนด้วย 2.กำชับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการติดตามข่าวสารต่างๆทางสื่อโซเซียลมีเดียที่ได้สั่งการไว้แล้วให้เริ่มปฎิบัติการตรวจสอบและติดตามรวมทั้งเมื่อพบข่าวสารที่เป็นเท็จให้รีบดำเนินการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในข่าวสารที่ถูกต้องตามที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดแนวทางขั้นตอนการปฎิบัติไว้และเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการ
3.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดและทุกช่องทางรวมทั้งเครือข่ายของฝ่ายปกครองท้องที่และท้องถิ่นในจังหวัดชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆที่มีผู้พยายามสร้างความสับสนเกี่ยวกับการทำประชามติใน 7สิงหาคม2559ให้ประชาชนในจังหวัดทราบทุกระยะด้วยโดย ไม่ต้องกังวลว่าการชี้แจงจะทำให้ประชาชนผู้รับข่าวสารตื่นตระหนกเพราะเป็นข้อเท็จจริง ที่จะแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการรักษากฎกติกาเพื่อให้มีการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองเพื่อให้ประเทศชาติของเราเดินหน้าต่อไปได้ และ 4.ขอให้จัดประชุมศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยฯจังหวัดเพื่อติดตามสถานการณ์ความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดทุกสัปดาห์ด้วย หากพบว่ามีการกระทำดังกล่าวข้างต้นให้รีบดำเนินการตามกฎหมายโดยเฉียบขาดแล้วรายงานให้ กระทรวงมหาดไทยทราบ
ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้สั่งการให้ทุกจังหวัดตรวจสอบ และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ อย่างใกล้ชิดและให้วางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการสร้างสถานการณ์เพื่อระงับหรือยุติการสร้าง ปล่อยข่าวเท็จ สร้างความสับสนให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงมหาดไทยจะเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการดังกล่าวเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในทุกพื้นที่
ก่อนหน้านี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้ทุกจังหวัดถือปฏิบัติแนวทางการออกเสียงประชามติ โดยให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง รวมทั้งขอความร่วมมือกลุ่มอาสาสมัคร กลุ่มเครือข่ายต่างๆในสังกัดทุกประเภท ทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ให้ความร่วมมือช่วยเหลือสนับสนุนในการดำเนินการออกเสียงประชามติให้เกิดความถูกต้อง โปร่งใส ให้ความร่วมมือคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญในการเผยแพร่ และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับบทบัญญัติและสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ การจัดอบรมวิทยากรซึ่งจะเป็นผู้ที่ลงไปขยายความรู้ในระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบอย่างกว้างขวางและทั่วถึง
การอำนวยความสะดวกให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดหน่วยออกเสียง ตรวจสอบทะเบียนราษฎรในส่วนของผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติทั่วประเทศ จัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงของแต่ละหน่วยออกเสียง รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และพนักงานฝ่ายปกครอง ถือเป็นผู้มีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยตามกฎหมาย โดยในส่วนนี้กระทรวงมหาดไทยจะร่วมกับหน่วยรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ดูแลไม่ให้มีผู้ใดกระทำการผิดกฎหมายการออกเสียงประชามติ อาทิ การกระทำที่มีลักษณะก่อความวุ่นวาย เป็นอุปสรรคแก่การออกเสียง การขัดขวางหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไปใช้สิทธิ หรืออย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย