ศ.นพ. ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผลวิเคราะห์สถานการณ์โรคโควิด-19 ของโลกและประเทศไทย ล่าสุด ว่า จากการติดตามข้อมูลทั่วโลก พบสถานการณ์ของโลกยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลายประเทศเผชิญกับการระบาดระลอก 2 แล้ว ขณะที่ประเทศไทยแม้ไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกันกว่า 50 วัน ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่มีเฉพาะผู้ที่กลับมาจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้สื่อว่าประเทศไทยปลอดจากเชื้อฯ เพราะโอกาสได้รับเชื้อจากแหล่งอื่นยังคงมี เช่น เกาหลีใต้ เยอรมนี และจีน ที่พบเชื้อติดมากับหีบห่อพัสดุ
ดังนั้นแม้จะน่ายินดีที่ไทยคุมสถานการณ์ติดเชื้อในประเทศได้จนถึงวันนี้ ทำให้ประชาชนบางส่วนสบายใจ รู้สึกว่าปลอดภัย จนคลายมาตรการป้องกันตัวเองลง ไม่ใส่หน้ากากอนามัย ไม่ล้างมือ เว้นระยะห่าง หากทุกคนทำแบบนี้หมดเชื้อที่อาจแฝงอยู่ก็มีโอกาสแพร่กระจายได้ทั้งนี้ ทางการแพทย์เชื่อว่าการระบาดระลอก 2 จะเกิดขึ้น แต่ถึงแม้จะมีผู้ติดเชื้อในประเทศ แต่ถ้าทุกคนเคร่งครัดใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง เช็คอิน เช็คเอาท์ในระบบ “ไทยชนะ”กันทุกคน ก็โอกาสน้อยมากที่เชื้อจะแพร่กระจายในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการพัฒนาวัคซีนทั่วโลกมีหลายที่ที่ยังรอความสำเร็จ แต่เราจะรออย่างเดียวไม่ได้ เพราะโรคโควิด-19 ยังมีเรื่องใหม่ที่ทั่วโลกต้องติดตาม และต้องปรับตัวกันต่อไป เช่น เรื่องภูมิคุ้มกัน ที่เคยคาดกันว่าหากมีคนติดแล้วจำนวนมากจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แต่เริ่มมีรายงานการศึกษาที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ
ล่าสุดที่ออกมาจากมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ ประเทศอังกฤษ ได้รายงานผลการศึกษาในผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่หายแล้ว 63 ราย พบมี 60 ราย ที่ภูมิคุ้มกันขึ้นถึงระดับที่น่าจะสามารถป้องกันโรคได้ แต่เมื่อติดตามต่อกลับพบว่าภูมิคุ้มกัน ลดลงจนต่ำกว่าระดับที่จะป้องกันได้ และบางส่วนหายไป แปลว่าความหวังการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ตามธรรมชาติอาจไม่ได้ ซึ่งอาจแปลได้ว่าจะเกิดการติดเชื้อซ้ำ หรืออาจแปลว่าวัคซีนไม่ได้ฉีดแค่ครั้งเดียว
นอกจากนี้ ทั้งยังมีเรื่องการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ที่ปัจจุบันพบกลายพันธุ์ไปแล้วอย่างน้อย 6 สายพันธุ์ แต่ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัด ว่าการกลายพันธุ์กระทบกับความรุนแรงของโรค กระทบกับวัคซีนที่กำลังพัฒนาหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่รพ.ศิริราชกำลังติดตามและอยากให้ประชาชนติดตามเรื่องเหล่านี้เพื่อให้รู้เท่าทันโรคโควิด-19