“ร้านวิเศษไก่ย่างภัตตาคาร” อดีตร้านอาหารตามสั่งในห้องแถวไม้เล็กๆ ย่านบางโพ จับกระทะควงตะหลิวเสิร์ฟความอร่อยทุกวัน ด้วยสองมือของสองสามีภรรยา อดีตเด็กหลังครัวภัตตาคารจันทร์เพ็ญธุรกิจเครือญาติ ผู้รังสรรค์เมนูทานง่ายขายแบบอาหารจานเดียว รสชาตไม่ต้องพูดถึง ใครได้ลิ้มลองต้องยกให้เป็นอีกหนึ่งตำนานความอร่อย ชนิดที่ลูกค้าบางรายให้เป็นครัวที่สองของบ้านเลยทีเดียว
ต่อมาเมื่อร้านอาหารตามสั่งถูกไฟไหม้กระทันหัน เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว คุณสพรั่งพร จุลละสุขุม อดีตข้าราชการทหาร “นาวาตรีหญิง” ทายาทรุ่น 2 ผู้ทิ้งความฝันส่วนตัว เพื่อเลือกเข้ามาสืบทอดธุรกิจครอบครัว ได้ตัดสินใจสร้างร้านอาหารบนพื้นที่เช่า แม้จะขัดแย้งกับความคิดเห็นของบิดาผู้สร้างตำนานความอร่อยและฝังรากลึกให้ธุรกิจในรุ่น 1 ด้วยเหตุผลไม่อยากลงหลักปักฐานบนพื้นที่คนอื่น แต่คุณสพรั่งพรก็ทำให้เห็นว่า หากเราพร้อมจะเปลี่ยนแปลงและพัฒนา การก้าวเดินด้วยรองเท้าผู้อื่นอาจจะมั่นคงได้เช่นกัน และการตัดสินใจครั้งนี้ก็ไม่ทำให้รุ่น 1 ผิดหวัง
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ การเดินทางของ “ร้านวิเศษไก่ย่างภัตตาคาร” ได้ก้าวมาถึงปีที่ 66 โดยคุณสพรั่งพรจัดชุดใหญ่รีโนเวทร้านใหม่ทั้งหมด แบ่งออกเป็น 3 ชั้น ชั้น 1 จะมีพื้นที่เป็นร้านกาแฟ เบอเกอรี่ ของฝาก ห้องทานอาหารที่ตกแต่งคงความดั่งเดิมมากที่สุด ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะเป็นห้องครัวห้องเตรียมวัตถุดิบ ชั้น 2 การตกแต่งมีความทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงบรรยากาศความอบอุ่นแบบครอบครัว และชั้น 3 ที่กำลังรีโนเวทใหม่ จะเน้นเป็นพื้นที่จัดเลี้ยง ทั้งนี้ เพื่อขยายพื้นที่เปิดรับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งสามารถรองรับได้กว่า 200 ที่นั่งเลยทีเดียว
เมื่อมองไปรอบๆ ร้านจะเห็นได้ว่า การตกแต่งร้านนอกจากจะเน้นความสวยงาม ทันสมัย สะอาด ปลอดภัย คุณสพรั่งพรยังเน้นอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มลูกค้าที่ผูกติดเหนียวแน่นกันมาตั้งแต่รุ่นเยาว์วัย ซึ่งปัจจุบันสูงวัยกันหมดแล้ว รูปแบบการให้บริการจึงกลายเป็น Universal Design ไปโดยปริยาย
“จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจให้เป็น Universal Design คือต้องอธิบายก่อนกว่า ที่ร้านลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่กินกันมาตั้งแต่เปิดร้านแรกๆ ดังนั้น อายุลูกค้าต้องไม่ธรรมดาแล้ว ด้วยความห่วงใยและผูกพันกันมาเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ เหมือนครอบครัว พอคิดแบบนี้ทุกอย่างจะมาเอง เราจะรู้ด้วยใจเลยว่าร้านต้องมีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง โดยไม่ได้คิดว่านี้คือการเพิ่มต้นทุนแต่อย่างใด กลับมองเป็นการขอบคุณลูกค้าที่อยู่เคียงข้างกันมายาวนานจนถึงปัจจุบัน โดยร้านมีบริการทั้งรถเข็น เก้าอี้ไฟฟ้าขึ้นชั้น 2 ห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุนั่งวิลแชร์ และล่าสุดกำลังติดตั้งลิฟท์ขึ้นชั้น 3 ที่กำลังรีโนเวทขยายร้านใหม่ เรียกได้ว่าลูกหลานที่ต้องการพาปู่ย่าตายายมาทานข้าวที่ร้าน หายห่วงเรื่องพวกนี้ไปได้เลยค่ะ” คุณสพรั่งพรเอ่ยถึงที่มาของ Universal Design
ซึ่งนอกจากอดีตร้านอาหารตามสั่งจะยกระดับปรับเปลี่ยนโฉมกลายเป็น “ภัตตาคาร” ที่พร้อมให้บริการลูกค้าหลากหลายรูปแบบ มีเมนูเพิ่มมากขึ้นกว่า 200 เมนูไปแล้วนั้น ยังมีสิ่งหนึ่งที่ร้านวิเศษไก่ย่างภัตตาคารไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป นั้นก็คือ คุณภาพและรสชาตอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ไก่ย่าง สตูลิ้นวัว จับฉ่ายไหหลำ เห่าดง ปอเปี๊ยะหนังกรอบ แฮ่กึ้นสด ทุกเมนูที่ถูกกล่าวขานมา ลูกค้าล้วนยกให้เป็นตำนานความอร่อยและหาทานยาก โดยเฉพาะเมนูไก่ย่าง
“เมนูไก่ย่างทำขายกันมาตั้งแต่ยุคแรกๆ ถือเป็นเมนูเด็ดที่วัตถุดิบต้องมีติดครัวอยู่ตลอด ลูกค้ามาต้องสั่งแทบจะทุกโต๊ะ อาจจะเพราะไก่ย่างและน้ำจิ้มเป็นสูตรเฉพาะที่ทางร้านทำเอง ลูกค้าหาทานที่อื่นไม่ได้ โดยไก่ย่างสูตรที่ร้านจะเป็นสูตร 3 เกลอ มีรากผักชี กระเทียม และพริกไทย เป็นพระเอกหลัก โขลกเข้าด้วยกันแล้วนำไปคลุกเคล้ากับไก่ ไก่เลือกใช้รุ่นกระทงขนาด 9 ขีด มีทั้งไก่ฟาร์มและไก่บ้านแล้วแต่ลูกค้าชื่นชอบ ไก่ทุกตัวย่างด้วยเตาถ่านแบบโบราณ เพื่อให้ได้ความหอม ฉ่ำเนื้อ เมื่อจับคู่กับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของทางร้าน รับรองติดใจไม่รู้ลืมจริงๆ” คุณสพรั่งพรกล่าวอย่างมั่นใจในเมนูเด็ด “ไก่ย่างสูตร 3 เกลอ” ของร้าน
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ร้านกำลังไปได้สวย มีรถไฟฟ้า MRT สถานีบางโพ จ่อถึงหน้าร้าน เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย แต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจทั่วโลกได้พบวิกฤตครั้งใหญ่ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งประเทศไทยก็เช่นกัน กลุ่มผู้ประกอบการล้วนได้รับผลกระทบทั้งแบบทางตรงและทางอ้อม ชนิดที่ตั้งตัวกันไม่ทันเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการนั้น คือ “ร้านวิเศษไก่ย่างภัตตาคาร”
“ผลกระทบจากโควิด-19 ทำเอาเซไปหลายก้าวเหมือนกัน เพราะร้านต้องหยุดให้บริการกระทันหัน ไม่มีรายได้ แต่ยังมีภาระค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่า เงินเดือนพนักงาน เงินหมุนเวียนต่างๆ ถ้ามองในแง่ดีก็เป็นเรื่องน่าแปลกพอเจอวิกฤตแบบนี้มักจะมีเรื่องดีๆ แฝงมาด้วยเสมอ อย่างพิษโควิด-19 ก็ทำให้สมาชิกของสมาคมภัตตาคารไทยเริ่มหันกลับมาปรึกษาหารือกัน รวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือกัน ไม่ทอดทิ้งกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผู้ประกอบการ และจากวิกฤตนี้เองทำให้อยากลองเข้ามาใช้บริการสถาบันการเงินของรัฐ ทั้งที่ตลอดการเดินบนเส้นทางธุรกิจนี้ ทุกก้าวเราเติบโตเข้มแข็งด้วยตัวเอง” คุณสพรั่งพรกล่าวถึงที่มาของการใช้บริการสินเชื่อภาครัฐ
โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) หรือ SME D Bank ได้จับมือกับสมาคมภัตตาคารไทย ช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด เพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ผ่านโครงการสินเชื่อรายเล็ก Extra Cash วงเงิน 3 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยต่ำพิเศษช่วง 2 ปีแรกเพียง 3% ระยะเวลาผ่อนชำระหนี้นานสุด 5 ปี สามารถนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนขับเคลื่อนธุรกิจ เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ที่กำลังคลี่คลายลงได้
“ข้อดีจากโควิด-19 นอกจากจะทำให้เราได้เห็นมิตรแท้ในช่วงลำบาก ยังทำให้เราได้เรียนรู้ตลาดโลกออนไลน์ชัดขึ้น โดยได้ชิมลางเปิดบริการเดลิเวอรี่แบบให้เด็กที่ร้านส่งเองและแบบใช้บริการของแบรนด์ Food Delivery ในตลาด ซึ่งปรากฏว่าผลตอบรับดีเกินคาด ทำให้เห็นถึงอนาคตการพัฒนากลุ่มอาหารพร้อมทานแบบแช่แข็ง หรือ Frozen Food ไม่ว่าจะเป็นไก่ย่าง น้ำจิ้มต่างๆ หรือเมนูอาหารจานเดียว เพราะหากอนาคตไม่มีร้านอย่างน้อยยังพอหารายได้จากธุรกิจใหม่นี้ได้ และรักษาการจ้างงานไม่ทอดทิ้งลูกน้องในร้านที่อยู่เคียงข้างกันมา” คุณสพรั่งพรยิ้มเมื่อกล่าวตบท้ายเรื่องราว “ร้านวิเศษไก่ย่างภัตตาคาร” ที่อยู่ยานานมากว่า 6 ทศวรรษ