นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ภาคเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกและในช่วงครึ่งปีหลังยังอยู่ในภาวะวิกฤต เนื่องจากระบบเงินหมุนเวียนในพื้นที่หายไปมากกว่า 70-80% คงมีเพียงงบประมาณจากภาครัฐและการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้หารือและทำงานร่วมกับทุกฝ่ายทั้งภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาชนที่จะเร่งรัดสนับสนุนและพร้อมผลักดันทำให้ภาคการเศรษฐกิจของเชียงใหม่ทั้งระบบมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวมีความเกี่ยวโยงไปถึงภาคประชาชน ภาคประชาสังคม รวมถึงเกษตรกร ถ้าภาคการท่องเที่ยวบริการหยุดชะงัก เกษตรกรก็ไม่มีรายได้ กล่าวคือ ธุรกิจร้านอาหารต้องใช้ผลผลิตจากภาคการเกษตร ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ร้านอาหารได้รับผลกระทบ ต้องปิดกิจการชั่วคราว การสั่งซื้อผลผลิตการเกษตรก็ต้องหยุดชะงักไปด้วย เป็นต้น
การปรับตัวในช่วงต่อไปของจังหวัดเชียงใหม่ก็จะเน้นเรื่องมาตรการด้านความปลอดภัย และสุขภาพควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว การค้า รวมถึงภาคเกษตรกรรรม ดังนั้น จึงขอให้ภาคเศรษฐกิจการค้าได้มีการปรับตัว ประคองตัวและนำเสนอประเด็นปัญหาที่เผชิญผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ภาครัฐและเอกชน
นอกจากนั้นจังหวัดเชียงใหม่ขอรณรงค์และสนับสนุนให้สถานประกอบการต่างๆ ได้เข้าสู่มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ SHA ให้เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันจังหวัดเชียงใหม่มีสถานประกอบการที่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 183 ราย จาก 10 ประเภทกิจการ ซึ่งผู้ที่ได้รับรองมาตรฐาน SHA การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ส่วนนี้ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมามีความมั่นใจและมาเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้น
นายวโรดม ปิฏกานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยวของเชียงใหม่ได้รับผลกระทบอย่างสูง และทำให้ผู้ประกอบการในระดับ SMEs และรายย่อยขาดรายได้หมุนเวียน หอการค้าฯ จึงประเมินสถานการณ์ว่าจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวและฟื้นบรรยากาศการค้าขายในพื้นที่ให้เกิดขึ้นนำร่องขึ้น จึงได้ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และหอการค้าไทยจัดงาน สสว. Connext หอการค้าแฟร์ “Chiang Mai Local Food 2020” งานแสดงสินค้าวิถีใหม่ New Normal ระหว่างวันที่ 27-30 สิงหาคม 2563 ณ ตลาดอนุสารเชียงใหม่ โดยเน้นผู้ประกอบการการค้า SMEs ในพื้นที่จำนวน 300 กิจการมาออกบูธในงาน ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่มีสัดส่วนบูธสูงสุดของภายใต้โครงการของ สสว.ที่จัดทั่วประเทศ 700 บูธ