นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดโครงการเปิดโครงการดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเล "Krabi Dive Against Debris 2020" พร้อมด้วยนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายยุทธศักดิ์ ศุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายนิธิ ศรีแพร ผู้อำนวยการภูมิภาค ภาคใต้ ททท. โดยมีพันตำรวจโท หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวต้อนรับ มีหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมต้อนรับคณะ นางสาวศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวรายงาน โดยมีนักดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเล จำนวน 120 คน ผู้ประกอบการ ร่วมกิจกรรม เป็นจำนวนมาก
โครงการดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเล "Krabi Dive Against Debris 2020" เกิดขึ้นโดยสมาคมธุรกิจกำรท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ได้รับเงินสนับสนุนการจัดกิจกรรมองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลรักษา รวมถึงเตรียมความพร้อมของสถานที่ท่องเที่ยว สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวหลังสถานการณ์การแพร่ระบำดของ COVID-19 คลี่คลาย การเก็บขยะใต้ทะเลที่ตกค้างในระบบนิเวศแบบมีส่วนร่วม ถือเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่างท่องเที่ยวสวยงามของจังหวัดกระบี่ โดยได้รับความร่วมมือจังหวัดกระบี่ ททท. องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง ชมรมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะพีพี PADI และกลุ่ม Dive Team เพื่อดูแลรวมถึงเตรียมความพร้อมสถานที่ท่องเที่ยว สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 คลี่คลาย รวมถึงสร้างการรับรู้ในการบริหารจัดการ สร้างจิตสำนึกรับผิดชอบต่อทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทย ให้เกิดความยั่งยืน
พันตำรวจโท หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า กระบี่ เป็นจังหวัดหนึ่งด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย และเป็นเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้มาเยี่ยมเยือนได้บ่อยครั้ง เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายทั้งทางบกและทางทะเล และแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญ ที่เป็นที่รู้จักกันดีของนักท่องเที่ยว คือ เกาะพีพี พีพี ได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรแห่งบุปผาใต้สมุทร นักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่อดำนำดูปะการัง หมู่เกาะพีพี ประกอบด้วย 6 เกาะ คือ 1.เกาะพีพีดอน 2.เกาะพีพีเล 3.เกาะปิด๊ะนอก 4.เกาะปิด๊ะใน 5.เกาะยูง และ 6.เกาะไม่ไผ่ การดูแลรักษาธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นทุนทางธรรมชาติของภาคการท่องเที่ยวถือเป็นสิ่งจำเป็น และควรปลูกฝังจิตสำนึกแก่ประชาชนทั่วไปให้เกิดความหวงแหน เพื่อให้คงความสมบูรณ์เช่นนี้ต่อไป