นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ธนาคารให้ความสำคัญกับการวางฐานธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และกัมพูชา) โดยมีนโยบายขยายสาขาตามการไปลงทุนของลูกค้า โดยสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นประเทศที่มี การเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูงเมื่อเทียบกับ ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ดำเนินกิจการธนาคารในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในนาม "ธนาคารวีนาสยาม" (Vinasiam Bank) "VSB" เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
โดยได้ร่วมทุน 3 องค์กรใหญ่ คือธนาคารเวียดนามเพื่อการเกษตรและพัฒนาชนบท (Vietnam Bank for Agriculture and Rural Development "Agribank") ถือหุ้น 34% บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (CP) ถือหุ้น 33% และ ธนาคารไทยพาณิชย์ ถือหุ้น 33% แต่เนื่องจากใบอนุญาตประกอบกิจการของธนาคารวีนาสยามจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธ.ค. 2558 นี้ จึงได้หารือและขออนุญาตไปยังธนาคารกลาง เพื่อดำเนินกิจการในลักษณะเป็นสาขาของธนาคารไทยพาณิชย์ โดยจะต้องเข้าซื้อและรับโอนส่วนของทุนจากผู้ร่วมทุน ที่เหลืออีก 2 รายของ VSB มาเป็นของธนาคารไทยพาณิชย์ทั้งหมด และให้รับโอนทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดของ VSB มายังสาขาของธนาคารที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ณ นครโฮจิมินห์ ด้วย
ทั้งนี้ ธนาคารได้ว่าจ้างให้บริษัทหลักทรัพย์ BIDV ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นผู้ประเมินราคา โดยราคาที่ธนาคารจะซื้อ จากผู้ร่วมทุนทั้ง 2 คิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 45.77 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 1,650 ล้านบาท (คำนวณที่อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 36.00 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์) และคาดว่าการดำเนินการจัดตั้ง สาขาของธนาคาร ณ นครโฮจิมินห์ดังกล่าว จะแล้วเสร็จภายในต้นปี 2559
"เวียดนาม ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศยุทธศาสตร์สำหรับธุรกิจต่างประเทศของธนาคารที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เนื่องจาก มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากประเทศไทยในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และมีอัตราการลงทุนต่อจีดีพีสูงเป็น อันดับต้นๆ ของอาเซียน รวมถึงมีอัตรา การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงถึงประมาณ 6% ต่อปี และถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมเทียบเคียงกับประเทศไทย
นอกจากนี้ สาขาของธนาคาร ณ นครโฮจิมินห์ ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่นี้ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถของธนาคารในการเชื่อมโยงเครือข่ายลูกค้าและกลุ่มบริษัทภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้เป็นอย่างดี โดยการจัดตั้งสาขาใหม่ในครั้งนี้จะทำให้ธนาคารมีสาขาและสำนักงานผู้แทนในต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 11 แห่งใน 8 ประเทศ