หากจะกล่าวถึงใครสักคนที่มีบทบาทสำคัญในวงการแพทย์ของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง น่าจะไม่พ้น นพ. พรเทพ ศิริสนารังสรรค์ ซึ่งปัจจุบันแม้จะปลดเกษียณจากผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขไปแล้ว แต่คุณหมอพรเทพ ผู้นี้ก็ยังคงรับใช้สังคมไทยอย่างทุ่มเทไม่ขาดหาย แม้แต่ล่าสุด ต่อความคิดเห็น ต่อการเตือนสติ รวมไปถึงการป้องกันต่อการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ถือเป็นคุณหมอที่มีประสบการณ์หลายด้าน ไม่เฉพาะแต่ในวงการแพทย์ แต่ยังรวมไปการมีประสบการณ์ด้านการสอนการอบรม และด้านการศึกษา และสำหรับชีวิตราชการในกระทรวงสาธารศุขแล้ว คุณหมอพรเทพ มีบทบาทสำคัญ เริ่มจากการเป็นผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนสาธารณสุขรองอธิบดีกรมสุขภาพจิต เป็นที่ปรึกษาระดับกระทรวงด้านสาธารณสุข เป็นผู้ตรวจราชการรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขอธิบดีกรมควบคุมโรค และอธิบดีกรมอนามัย
ปัจจุบันแม้จะเกษียณอายุแล้ว แต่ยังมีบทาทสำคัญทั้งจากการเป็นนายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.)และประธานคณะกรรมการการสาธารณสุขและอนุกรรมการงบประมาณด้านสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร
โดยถือเป็นโอกาสดีอย่างยิ่ง ที่อปท.นิวส์เชิญเป็นแขกฉบบันี้ ได้รับเกียรติจากคุณหมอเข้าร่วมพูดคุยอย่างเป็นกันเอง โดยคุณหมอพรเทพเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของชีวิตทางการแพทย์ว่า ตัวคุณหมอนั้นจบแพทย์ศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แล้วก็เริ่มทำงานที่โรงพยาบาลอำเภออยู่ช่วงหนึ่ง จากนั้นก็มาเรียนแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับระบาดวิทยาที่กระทรวงสาธารณสุขอีก3 ปี และก็ไปทำงานหลายที่จนไปเป็นนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสตูล แล้วก็ไปเรียนปริญญาเอกทางด้านการวางแผนและการเงินที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ จนจบปริญญาเอก ซึ่งพอเรียนจบก็กลับมาอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขตลอด
“ระหว่างที่ทำงานช่วงนั้นมีการตั้งสมาชิกสภากรุงเทพฯขึ้นมาผมก็เลยมาสมัครจนได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาทำตรงส่วนนี้ ตั้งแต่ปี 2559ซึ่งก็เกษียณปี 2558 พอดี ประกอบกับพอเกษียณก็ยังได้ทำงานอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในฐานะเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน ก็มารับผิดชอบเป็นนายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย โดยได้ทำหน้าที่จัดหลักสูตรสอนแพทย์เฉพาะทางด้านส่งเสริมป้องกันโรค นอกจากนั้น ก็ได้มีโอกาสทำงานทางด้านโทรทัศน์และทำรายการกับทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ ส่งเสริมการใช้สมุนไพร ผักผลไม้ในการรักษาป้องกันโรค เช่น มะนาว ขิง ข่า ตะไคร้ กล้วยน้ำว้า จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง” คุณหมอพรเทพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในฐานะการเป็นแพทย์แล้ว คุณหมอพรเทพไม่พลาดที่จะกล่าวย้ำเตือนกับ อปท.นิวส์ไปถึงท่านผู้อ่านและประชาชนทั่วไปว่า “งานทางด้านสุขภาพที่ดีที่สุดคือการป้องกันโรค และการป้องกันโรคจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประชาชนมีความรู้ และต้องดูแลตัวเอง ยกตัวอย่างเรื่องของโควิดถ้าประชาชนไม่ดูแลตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัยหรือล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล ก็คงจะควบคุมโรคได้ไม่อยู่ นี่คือตัวอย่างว่าชาวบ้านและประชาชนต้องมีความรู้ที่จะดูแลตัวเอง”
คุณหมอพรเทพยังได้เล่าถึงการเข้ามาทำหน้าที่เป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานครด้วยว่า พอเข้ามาทำหน้าที่นี้จากการแต่งตั้ง ก็ถือว่าเป็นศึกหนักมากพอสมควรในการดูแลพื้นที่ ซึ่งต้องรับผิดชอบดูแลด้วยกันหลายพื้นที่ โดยจะต้องดูแลในแง่ของการอำนวยการให้เป็นไปตามกฎหมาย เช่น เรื่องการดูแลงบประมาณในเขต ดูแลเรื่องการประชุมกับชาวบ้านประชาชน ซึ่งในเวลาที่พวกตนเข้ามาทำหน้าที่ในส่วนตรงนี้นั้น ก็ได้ดูแลเรื่องของงบประมาณที่ฝ่ายบริหารเสนอมา และก็มาดูว่า ควรหรือไม่ควรทำอะไรบ้างเพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน และงบประมาณที่จะทำลงไปคุ้มค่าหรือไม่ โดยคุณหมอระบุว่า การทำงานที่ผ่านมา สามารถประหยัดเงินให้กับรัฐบาลได้ถึง 40,000 ล้านบาท นั่นหมายความว่าเราไม่ให้ใช้เงินที่ไม่ควรจะใช้ และมีเงินสะสมอยู่ในคงคลังเยอะพอสมควร นี่คือหน้าที่ของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร
ซึ่งสำหรับคุณหมอแล้วก็จะต้องดูแลในเรื่องของสาธารณสุขเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บและการป้องกันโรค ด้วยการนำพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ต่างๆ ทางด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องมาศึกษา เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในกรุงเทพฯ เช่นเรื่องของพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ พ.ร.บ.เด็กปฐมภูมิ พ.ร.บ.สุขภาพท้องถิ่น เป็นต้น
คุณหมอพรเทพ กล่าวว่า การเข้ามาทำงานในส่วนตรงนี้ไม่ได้ต้องการเงินหรือต้องหวังกอบโกยอะไร เพราะมีเพียงพอแล้ว งานก็เกษียณแล้ว และก็ยังมีงานอยู่ในตำแหน่งอีกมากมาย การทำงานกับข้าราชการถือว่ามีความสุข การทำงานก็ตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องไปเบียดบังหรือเอาเปรียบใคร ซึ่งคุณหมอบอกว่า ตัวคุณหมอนั้นเป็นคนง่ายๆสบายๆ
“อยู่ที่บ้านก็จะเลี้ยงไก่อยู่4 ตัว สามารถทานไข่ได้ฟรีและปลอดสารได้ทุกวัน และตอนนี้ก็ปลูกผักทานเอง มีผักผลไม้เยอะแยะ เรียกได้ว่า เป็นสถานที่เรียนรู้เกี่ยวกับเกษตรได้เลย เพราะเราไม่ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงเลย โดยเราจะใช้เศษอาหารจำพวกพืชผักจากครัวเรือนของเรามาหมักและใช้เป็นปุ๋ยแทน ซึ่งวิธีการแบบนี้รับรองได้ว่าเปรียบเสมือนเป็นปุ๋ยชั้นเยี่ยมเลย ซึ่งผักผลไม้จะงามและหวานน่ารับประทาน” คุณหมอพรเทพ กล่าว พร้อมกับ ล่าให้เราฟังต่อไปด้วยว่า
“วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็จะอยู่กับบ้านทำสวนเกษตรอย่างนี้ไปก็มีความสุขแล้ว ก็มีฟัก ถั่วฝักยาว กระเจี๊ยบเขียว มะระ กล้วย ตำลึงกระชาย โหระพา กะเพรา ขิง ข่า ตะไคร้ บวบ เสาวรส ลูกม่อน ซึ่งปลูกไปเรื่อยๆ ทำเองทุกอย่างสนุกมาก เพราะเหมือนกับเป็นการการออกกำลังกายและผ่อนคลายไปในตัว พอผักผลไม้ออกลูกมาเราก็เก็บมารับประทานกันในบ้าน มีความสุข และชีวิตสุขภาพดีด้วยวิธีง่ายๆ”
“ว่างเมื่อไหร่ก็จะเข้าสวนสนุกสนานกับสิ่งแวดล้อม ผลผลิตพืชผักผลไม้ออกมาก็เก็บรับประทาน รวมถึงแจกชาวบ้านและเพื่อนบ้า นก็ให้เขาได้ทานของที่ปลอดสารพิษด้วย ชีวิตก็มีความสุขอยู่กับธรรมชาติแบบนี้ ซึ่งขอแนะนำเลยว่าชีวิตคนเรามีเท่านี้ ต้องอยู่กับธรรมชาติ ทานของที่มีประโยชน์และออกกำลังกาย นี่คือชีวิตที่ดี” คุณหมอพรเทพ กล่าวทิ้งท้าย