นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้เชิญผู้บริหารสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรมการแพทย์ และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ มาหารือถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับคลินิกชุมชนอบอุ่นที่มีการปลอมแปลงเอกสารการเบิกจ่ายค่าบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค โดยประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ได้รายงานความคืบหน้าว่า การสอบสวนใกล้จะสมบูรณ์แล้ว คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์จะสรุปผลได้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการยกเลิกสัญญาคลินิกชุมชนอบอุ่น จำนวน 18 แห่ง ในการเป็นหน่วยบริการของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการอีก 63 แห่ง เนื่องจากเข้าข่ายผิดสัญญาจากการเบิกเงินเท็จ
นายอนุทินกล่าวต่อว่า การยกเลิกสัญญาคลินิกเป็นหน่วยบริการ ทำให้ต้องมีการโอนสิทธิการรักษาไปหน่วยบริการอื่น ซึ่งตนได้กำชับว่า เรื่องนี้ต้องให้เกิดผลกระทบในการบริการประชาชนให้น้อยที่สุด ขณะนี้ได้มีโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานครมารองรับแล้ว นอกจากนี้ สปสช.ได้เปิดโอกาสให้คลินิกต่าง ๆ ที่มีความประสงค์ให้บริการในการตรวจคนไข้ตามนโยบายคลินิกชุมชนอบอุ่นเข้ามาจดทะเบียนเพิ่มขึ้น จึงขอให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเร่งรัดการตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นคลินิก และใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ เพื่อช่วยลดผลกระทบด้วย อย่างไรก็ตาม ระหว่างโอนย้ายสิทธิ หากประชาชนมีเหตุจำเป็นต้องเข้ารับการรักษา เบื้องต้นให้ใช้สิทธิอุบัติเหตุและฉุกเฉิน (Accident & Emergency : A&E) โดยไปใช้สิทธิก่อนที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ และจะมีการตามเบิกจ่ายกับทาง สปสช.
"ผมเชื่อมั่นในการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตอนนี้ต้องมองไปข้างหน้า ต้องไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ต้องเรียกค่าเสียหายที่เป็นเม็ดเงินคืนมาให้มากที่สุด และยกเลิกสัญญาคนที่คิดไม่ดี ซึ่งการปลอมแปลงเอกสาร มีความผิดทางอาญาเราก็ดำเนินการด้วยเช่นกัน" นายอนุทินกล่าว