นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานจัดทำแผนปฏิบัติการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ระยะที่ 2 ครั้งที่ 2/2563 ว่า โดยระยะที่ 2 มีจำนวน 131 โครงการ วงเงิน 386,565 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ (พ.ศ. 2565-2570) ระยะเวลา 6 ปี ขณะที่ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2560-2564) เนื่องจากยังมีบางโครงการยังไม่สามารถเดินหน้าได้ประมาณ 40 โครงการจึงได้นำโครงการที่จะบรรจุไว้ในแผนโครงสร้างพื้นฐาน อีอีซี ระยะที่ 2
อย่างไรก็ตามใน131 โครงการ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบรายละเอียดของแต่ละโครงการ ทบทวนจัดความสำคัญ รวมถึงเรื่องการสำรวจออกแบบ ศึกษาผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)งบประมาณ กรอบวงเงินที่ใช้ ขั้นตอนและระยะเวลา จากนั้นให้ส่งมาที่สำนักงานนโยบายแผนการขนส่งและจราจร(สนข) ภายในวันที่ 14 กันยายน นี้ ก่อนสรุปส่งไปที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ซึ่งมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ภายในเดือน ต.ค.นี้
“ระยะที่ 2 เน้นให้การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเป็นหลัก และการขนส่งสินค้าทางราง ทางน้ำ ให้เป็นระบบหลักที่สำคัญของพื้นที่และสามารถเชื่อมโยง อีอีซีกับพื้นที่อื่นๆของประเทศ รวมทั้งสามารถเชื่อมกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เพื่อให้ อีอีซีเป็นศูนย์กลางของการขนส่งอุตสาหกรรมในภูมิภาค จะเห็นได้ว่าระยะที่ 2 นั้น อีอีซี ไม่ใช่แค่ 3 จังหวัด แผนระยะที่2 นี้จะเห็นได้ว่า อีอีซี เป็นพื้นที่ศูนย์กลางในการเชื่อมการขนส่งสินค้าและการเดินทางของภูมิภาค”นายชัยวัฒน์ กล่าว
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า สัดส่วนของการลงทุนในระบบรางและขนส่งสาธารณะจะอยู่ที่ 43% รองลงมาคือการลงทุนทางถนน โยจะใช้งบประมาณแผ่นดิน40% เป็นงบประมาณเพิ่มเติม32% ที่เหลือ PPP 27% ขณะที่งบของรัฐวิสาหกิจอยู่ที่ 1% โยในแผนระยะที่ 2 จะมี3 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 1.การรองรับการเดินทางของประชาชน นักท่องเที่ยวด้วยระบบขนส่งสาธารณธ 2.การขนส่งสินค้า เน้นทางรางกับทางน้ำเป็นหลัก และ3 การสนับสนุนใช้เทคโนโลยีแบบเชิงรุก