8 ก.ย. 2563 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีเรื่อง 3 สารพิษที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่า ขณะนี้มีการพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยใช้สื่อสังคมโซเชียลชี้นำด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ กล่าวหาใส่ร้าย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า มีการส่งหนังสือให้มีการยกเลิกการแบน 3 สารพิษ ซึ่งไม่เป็นความจริง เหตุเพราะมีผู้ร้องเรียนยื่นหนังสือผ่านนายเฉลิมชัย เพื่อให้ส่งหนังสือต่อไปยังคณะกรรมการวัตถุอันตราย เพราะนายเฉลิมชัยไม่ได้มีอำนาจในการพิจารณา กระบวนการบิดเบือนนี้เลวร้ายที่สุด และได้ชี้แจงไปแล้ว
แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ การโจมตีผ่านบทความของสื่อออนไลน์ ในชื่อบทความ “เปิดวอร์สารพิษเกษตรยกใหม่” เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา โดยกล่าวหาในลักษณะว่า นายเฉลิมชัยปกป้องผลประโยชน์ให้ทุนข้ามชาติ จะเอาสารพิษกลับคืนมา กำลังคิดจะถอนทุนตุนเสบียงเอาไว้ ถือได้ว่าเป็นการกล่าวหาที่เลวร้ายที่สุด
“ในเรื่องนี้ผู้เขียนควรรู้ว่า อำนาจในการพิจารณาเรื่องนี้เป็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย และหากผู้เขียนบทความรู้ข้อมูลดีว่า มีใครหาประโยชน์กับเรื่องนี้ ถ้าแน่จริงขอท้าให้ออกมาเปิดเผยชื่อกลุ่มคนที่อ้างว่า มาหาประโยชน์จากการแบน 3 สารพิษ เกี่ยวข้องกับคนของพรรคประชาธิปัตย์คือใคร ถ้าอยากให้การเมืองสุจริตก็ต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงว่า คนที่ชั่วช้าหากินกับเรื่องนี้ชื่อว่าอะไร” นายราเมศกล่าว
ทั้งนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้ยืนยันมาตลอดว่า ไม่เคยคิดหาประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว ไม่ต้องถอนทุนใดๆ เพราะไม่ได้ใช้ทุนในการเข้ามาทำงานการเมือง พรรคประชาธิปัตย์อยู่ภายใต้กฎหมายพรรคการเมืองที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมโดยการบริจาค จึงไม่จำเป็นต้องคิดหาทุนด้วยวิธีการที่เลวๆ เหมือนที่ผู้เขียนบทความกล่าวหา ดังที่มีการตั้งคำถามว่า ประชาชนมาก่อนหรือบริษัทค้าสารเคมีมาก่อน ในเรื่องนี้ตนขอตอบเลยว่า นายเฉลิมชัยคิดถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ชัดเจนในเรื่องเกษตรปลอดภัย ผู้เขียนบทความควรระลึกถึงจรรยาบรรณของสื่อมวลชน เพราะถ้าคิดว่า ปลายปากกาฆ่าใครก็ได้ ถือว่าคิดผิด เพราะความจริงจะกลับไปฆ่าผู้จรดปลายปากกาเอง ฝ่ายกฎหมายกำลังตรวจสอบเรื่องดังกล่าว หากพบว่ามีถ้อยคำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายก็จะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ขอให้ความจริงว่าคนชื่อนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ลูกผู้ชายพออยู่กับประชาชนมาตลอดชีวิตอย่ามาดูถูก ใส่ร้ายกัน ขอเอาความจริงมาพูดกันอย่างตรงไปตรงมา