นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยมีการเน้นย้ำให้เร่งรัดดำเนินการจัดทำยุทธศาสตร์นมทั้งระบบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้เป็นกรอบในการวางแผนดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการนมทั้งระบบ ทั้งนมพาณิชย์ และนมโรงเรียน และเนื่องจากเป็นช่วงใกล้จะหมดภาคเรียนการศึกษา และเริ่มภาคเรียนการศึกษาใหม่ จึงได้มีการพิจารณาถึงภาพรวมการทำบันทึกข้อตกลง MOU เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ดำเนินการได้ทันในภาคเรียนการศึกษาใหม่และเกิดความต่อเนื่อง อาทิ เรื่อง หลักเกณฑ์เงื่อนไข และขั้นตอนการจัดทำบันทึกข้อตกลง MOU การซื้อขายน้ำนมโค ปี 2559/60 เรื่อง ศูนย์รวบรวมน้ำนมโคที่จะจัดทำ MOU เป็นต้น
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ได้พิจารณาการตรวจสอบคุณภาพนมโรงเรียนจากที่มีข่าวไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน ซึ่งกรรมการตรวจสอบคุณภาพนมยืนยันตรงกันว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลปี 2555-2558 และได้มีการปรับเปลี่ยนพัฒนาในเรื่องหลักเกณฑ์ต่างๆบ้างแล้ว และได้ลงโทษผู้ประกอบการที่ไม่ได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ในก่อนหน้านี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสัปดาห์หน้าจะนัดประชุมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมปศุสัตว์ และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อสค.) และหน่วยงานด้านเทคนิคอื่นๆ เพื่อให้การดำเนินการตรวจสอบนมเป็นไปด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส และเพื่อยืนยันว่านมโรงเรียนในปัจจุบันมีคุณภาพมาตรฐานที่ดี ดื่มได้ไม่ต้องกังวล
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2558 และต้นปี 2559 ได้มีการตรวจพบการผลิตนมในผู้ประกอบการที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้ ซึ่งนมดังกล่าวยังไม่ได้แจกจ่ายแก่เด็กนักเรียน โดยเป็นการตรวจสอบตามขั้นตอนตามมาตรการการตรวจสอบ โดยคณะอนุกรรมการพิจารณาความผิดและการลงโทษ ได้พบผู้ประกอบการบางรายผลิตนมไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของมิลค์บอร์ดในต่างกรณีกันไป เช่น องค์ประกอบไขมันไม่ได้ครบตามที่กำหนด ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประกาศคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ปีการศึกษา 2559 ที่ระบุว่า ข้อ 6.5 ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมต้องผลิตนมที่มีคุณภาพ ข้อ 6.5.3 ผลิตนมโรงเรียนให้ได้คุณภาพมาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง นมโคและมาตรฐานจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค พร้อมแสดงหลักฐานการตรวจยาปฏิชีวนะในน้ำนมดิบ จึงได้มีการลงโทษใน หมวด 7 มาตรการควบคุมกำกับดูแลการบริหารจัดการ และคุณภาพนมในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ข้อ 26.1.1 กรณีผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขใน ข้อ 6.3 ข้อ 6.4 และข้อ 6.5 โดยให้ตัดสิทธิส่วนที่เหลือทันที ซึ่งต่อจากนี้ผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขตามประกาศดังกล่าว ก็จะถูกตัดสิทธิดำเนินการทันที เช่น สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด ที่พบองค์ประกอบน้ำนมต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ซึ่งตรวจสอบพบว่า สถานที่ผลิตไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ก็ได้ใช้หลักเกณฑ์ในประกาศคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ปีการศึกษา 2559 ให้ตัดสิทธิส่วนที่เหลือทันทีในปีการศึกษา 2559
“ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ความสำคัญในการควบคุมมาตรฐานนมโรงเรียน และมีการลงโทษผู้ประกอบการที่ไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์อย่างเข้มข้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) ที่ได้เน้นย้ำให้ความสำคัญในการควบคุมคุณภาพนมโรงเรียนที่ต้องมีคุณภาพมาตรฐานที่ดี และได้ลงโทษตัดสิทธิผู้ประกอบการที่ตรวจสอบพบว่า ผลิตน้ำนมไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์โดยเป็นไปตามมติของมิลค์บอร์ด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ประกอบการที่ถูกตัดสิทธิจะมีสมาคมยูเอชที สมาคมพลาสเจอร์ไรท์ และสมาคมผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นม เข้ามาดำเนินการดูแลในเบื้องต้น เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตนม หลังจากนั้นจะดำเนินการตามแผนที่วางไว้ โดยจะมีผู้ประกอบการ สหกรณ์ และผู้ประกอบการรายเอกชนอื่นๆ ที่ได้ขึ้นบัญชีตามลำดับ เข้ามาดำเนินการแทนต่อไป ” นายธีรภัทร กล่าว