การรถไฟแห่งประเทศไทย ปรับเปลี่ยนระบบการจำหน่ายตั๋วโดยสารกับขบวนรถด่วนพิเศษระหว่างประเทศที่ 35/36 ใหม่ จากเดิมระหว่างสถานีปาดังเบซาร์-บัตเตอร์เวอร์ธ-ปาดังเบซาร์ เป็นตั๋วโดยสารระหว่างสถานีกรุงเทพ-ปาดังเบซาร์-กรุงเทพ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน เป็นต้นไป ส่วนผู้โดยสารที่ต้องการต่อขบวนรถไฟฟ้าของมาเลเซีย ต้องชำระค่าโดยสารเพิ่มตามที่กำหนด
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย มีการปรับเปลี่ยนระบบการจำหน่ายตั๋วโดยสารกับขบวนรถด่วนพิเศษระหว่างประเทศที่ 35/36 ใหม่ จากเดิมระหว่างสถานีปาดังเบซาร์-บัตเตอร์เวอร์ธ-ปาดังเบซาร์ เป็นตั๋วโดยสารระหว่างสถานีกรุงเทพ-ปาดังเบซาร์-กรุงเทพ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2559 เป็นต้นไป ส่วนผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางระหว่างสถานีปาดังเบซาร์-บัตเตอร์เวอร์ธ-
ปาดังเบซาร์ จะต้องไปต่อขบวนรถไฟฟ้าของมาเลเซีย พร้อมชำระค่าโดยสารเพิ่มตามที่การรถไฟมาเลเซียกำหนดไว้
"เดิมการจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าสามารถจำหน่ายได้ถึงสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ โดยผู้โดยสารต้องลงต่อรถจากรถไฟของไทยไปต่อรถไฟฟ้าของมาเลเซีย แต่ระหว่างนั้นมีผู้โดยสารสารหลายคนประสบปัญหาขึ้นรถไฟฟ้าผิดขบวน ทำให้ต้องเสียค่าโดยสารเพิ่ม ซึ่งการรถไฟฯ ได้ตระหนักถึงการให้บริการที่ดีแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว จึงได้มีการเร่งประชาสัมพันธ์การให้บริการเดินรถในเส้นทางดังกล่าว พร้อมกับปรับระบบการจำหน่ายตั๋วโดยสารใหม่เพื่อลดปัญหา
ที่เกิดขึ้น"
นายวุฒิชาติกล่าวว่า ตั๋วโดยสารขบวนรถด่วนพิเศษที่ 35/36 ระหว่างสถานีปาดังเบซาร์-บัตเตอร์เวอร์ธ-
ปาดังเบซาร์ ที่มีการจำหน่ายให้ผู้โดยสารล่วงหน้าไปนั้น ผู้โดยสารยังคงใช้เดินทางได้ถึงสถานีปาดังเบซาร์ และสามารถเดินทางต่อด้วยรถโดยสารกับขบวนรถไฟฟ้า EMU ซึ่งเป็นขบวนรถธรรมดาของมาเลเซียโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่จะต้องแสดงตั๋วโดยสารแก่เจ้าหน้าที่ขบวนรถให้รับทราบ แต่ถ้าเกิดผู้โดยสารไปต่อรถด้วยขบวนรถไฟฟ้าชนิด Intercity หรือ ETS Train ซึ่งเป็นประเภทรถด่วนพิเศษจะต้องชำระค่าโดยสารเพิ่มในอัตราที่การรถไฟมาเลเซียกำหนด
นอกจากนี้ ในการเปิดสำรองที่นั่งให้กับผู้โดยสารทางอีเมล์ การรถไฟฯ จะมีการส่งข้อความแจ้งผู้โดยสารทราบก่อนสำรองที่นั่ง พร้อมข้อมูลการเดินทางต่อเนื่องจากสถานีปาดังเบซาร์ ตลอดเส้นทางสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ประเทศมาเลเซียทุกครั้ง ส่วนตั๋วที่สำรองไว้ล่วงหน้าให้อีเมล์แจ้งข้อมูลการเดินทางแก่ผู้โดยสารด้วยเช่นกัน