นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า จากผลการเก็บข้อมูลความเร็วลมจากเสาวัดลมที่ พพ. ติดตั้งไว้ตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ พบว่าในเบื้องต้นมีอีก 4จังหวัด ที่มีศักยภาพของพลังงานลม เหมาะสำหรับผู้ประกอบการจะทำการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าในลักษณะทุ่งกังหันลม (Wind Farm) ซึ่งได้แก่ พื้นที่ ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลา พื้นที่ ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี พื้นที่ ต.นาเมือง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และพื้นที่ ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี
ทั้งนี้ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ.2558 – 2579 หรือ AEDP2015 กำหนดเป้าหมายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมไว้ที่ 3,000 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันมีโครงการไฟฟ้าพลังงานลมที่จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว 234 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตามการจะพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม จำเป็นจะต้องตั้งเสาวัดลมตรวจสอบศักยภาพความเร็วลมอีกอย่างน้อย 1-2 ปี เนื่องจากการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าในลักษณะทุ่งกังหันลมใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ภาครัฐได้มีมาตรการสนับสนุนผู้ลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม โดยกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานลมในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) หน่วยละ 6.06 บาทเป็นระยะเวลา 20 ปี