ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท่องเที่ยว ย้อนกลับ
ชุมชนบ้านหนองขาว ขุมทรัพย์วัฒนธรรมไทย
17 ก.ย. 2563

บ้านหนองขาว หมู่ที่ 1 ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี หนึ่งในหมู่บ้านโอทอป (OTOP) เพื่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี โดยชุมชนหนองขาวเป็นชุมชนเก่าแก่ เล่าขานมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ซึ่งกาญจนบุรีเป็นเมืองหน้าด่าน ขณะที่ชุมชนหนองขาวขณะนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านดงรังกับหมู่บ้านดอนกระเดื่อง ชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้านได้รวมตัวกันต่อสู้กับกองทัพพม่าอย่างกล้าหาญ ปัจจุบันยังมีร่องรอยของคูรบ ที่ชาวบ้านเรียกว่าทุ่งคู การสู้รบในครั้งนั้นหมู่บ้านทั้งสองถูกทำลายเสียหาย เหลือแต่ซากปรักหักพังของวัด หลังสงครามสงบลงชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้าน ได้พากันหลบหนีมารวมกันที่บริเวณหนองน้ำใหญ่ที่มีหญ้าออกดอกสีขาว จึงตั้งชื่อว่า “หมู่บ้านหญ้าดอกขาว” เรียกสั้นๆ ว่าบ้านหนองขาว

อีกทั้งหมู่บ้านหนองขาวยังเป็นหมู่บ้านอุตสาหกรรมตามโครงการ 20 หมู่บ้านอุตสาหกรรมใน 19 จังหวัด” โดยมีการจัดตั้งเป็นศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านและชุมชนบ้านหนองขาว ซึ่งมีศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยวในการศึกษาความรู้เชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิต ชุมชนท้องถิ่น การท่องเที่ยวเชิงเกษตร เชิงนิเวศ ชีวิตในสังคมเกษตรกรรม บ้านเรือนไทยสมัยก่อนวิถีชีวิตและขนบธรรมเนียมโบราณ โดยมีศูนย์กลางการประสานงาน ณ วัดอินทาราม

ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านและชุมชนบ้านหนองขาว มีศูนย์เรียนรู้ เช่น โรงทอแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผ้าทอ การทำขนมไทยพื้นบ้าน การทำน้ำตาลปึก การจักสาน การทำขวัญข้าว การแสดงและการละเล่นพื้นบ้าน การเจียระไนพลอยนิล โดยนักท่องเที่ยวสามารถศึกษาเรียนรู้ตามฐานการเรียนรู้ชุดต่างๆ ในพื้นที่

“บ้านหนองขาว” มีการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามในอดีตสืบสานสู่ปัจจุบัน ชาวบ้านมีความขยันขันแข็ง รักใคร่สามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วยความเต็มใจ ตามคำขวัญของ ตำบล ท้องถิ่นคนขยัน กล่าวขวัญวัวลาน ตำนานหลวงพ่อ ผ้าทอหนองขาว สะเดาลือชื่อ ข้าวหอมซ้อมมือเลื่องลือน้ำตาลสด งดงามวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้ ทำให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม พร้อมมีผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าร้อยสี ซึ่งมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เรียกว่า ลายตาจัก เป็นลายผ้าที่มียกลายผ้า ตลอดผืน และมีคุณภาพดี สีไม่ตก ไม่ซีด ดูแลรักษาง่าย สามารถนำผ้าขาวม้ามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น เสื้อผ้าสุภาพบุรุษ เสื้อผ้าสุภาพสตรี หมวก ร่ม พัด ฯลฯ จึงทำให้ผ้าขาวม้าลายตาจักของบ้านหนองขาว มีราคาสูงกว่าลายทั่วๆ ไป และเป็นที่ต้องการของตลาด ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับนิล ด้วยจุดเด่นที่เป็นนิลแท้ ผ่านการเจียรนัยจากช่างผู้มีฝีมือเข้าตัวเรือนทองชุบได้งดงามและโดดเด่น และมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งสร้อยคอ แหวน กำไล เข็มกลัด ฯลฯ

อีกทั้งบ้านหนองขาวอยู่ห่างจากตัวจังหวัดกาญจนบุรี เพียง 9 กิโลเมตร สามารถเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัด เช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งสะพานข้ามแม่น้ำแควถือเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2  โดยหยาดเหงื่อแรงงาน รวมทั้งชีวิตของเชลยศึกพันธมิตรนับหมื่นคน เพื่อให้ได้มาซึ่งทางรถไฟที่มีความยาวถึง 415 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีชุมทางหนองปลาดุก จังหวัดราชบุรี ไปสู่ปลายทางที่เมืองทันบูซายัค ประเทศเมียนมา สำหรับใช้ลำเลียงอาวุธ และกำลังพลของญี่ปุ่น เพื่อไปโจมตีเมียนมาและอินเดีย โดยสะพานเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2486 และต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2487 สะพานข้ามแม่น้ำแควถูกทหารสัมพันธมิตรโจมตีทางอากาศโดยการทิ้งระเบิดอย่างหนักจนสะพานหักท่อนกลาง และต่อมาญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงครามในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2488

ต่อมาภายหลังสงครามโลกยุติลง รัฐบาลไทยได้ซื้อทางรถไฟนี้ต่อจากอังกฤษมาเป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาท แล้วบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ในปี พ.ศ.2489 สะพานข้ามแม่น้ำแคว ในปัจจุบันนี้ ได้รับการปรับปรุง และซ่อมแซมโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย แทนที่ของเดิมที่ถูกทหารฝ่ายสัมพันธมิตรโจมตีทางอากาศนับ 10 ครั้งระหว่างสงคราม และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองกาญจนบุรีค่ะ

นอกจากนี้ ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ยังเป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นอนุสรณ์สถานที่่ระลึกถึงคุณงามความดีที่พระนเรศวรได้ทำไว้ เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยไว้ให้ลูกหลาน โดยอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชตอนทรงม้าออกมาสังหารลักไวทำมู พร้อมเครื่องราชูปโภค 4 อย่างคือ1.พระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตง 2.พระแสงดาบคาบค่าย 3.พระแสงแสนพลพ่าย 4.พระมาลาเบี่ยง -รูปปั้นไก่ -สระน้ำบริเวณกว้าง -สวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ

ซึ่งที่ตรงนี้เคยเป็นสมรภูมิรบหลายครั้งหลายคราว เมื่อ พ.ศ. 2129 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงกระทำศึกอย่างเหี้ยมหาญ เป็นผลให้อริราชศัตรูต้องพ่ายแพ้ไป ปัจจุบันพื้นที่นี้ได้รับการพัฒนาสร้างเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเทิดพระเกียรติและเป็นอนุสรณ์สถาน และรำลึกถึงมหาวีรกรรมในครั้งนั้น พระบรมราชานุสาวรีย์มีพื้นที่ทั้งหมด 1,075 ไร่ ประกอบด้วยสระเก็บน้ำ พื้นที่จัดกิจกรรม มีภูมิทัศน์บริเวณรอบอนุสาวรีย์สวยงาม สวนสาธารณะพักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชน พื้นที่รับน้ำทำการเกษตร ตั้งอยู่ริมถนนสายอยุธยา-อ่างทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา ห่างจากเกาะเมืองไปทางทิศเหนือประมาณ 1 กม. บริเวณนี้เรียกว่าทุ่งภูเขาทอง

ปัจจุบันพระบรมราชานุสาวรีย์มีพระบรมรูปประทับช่วงบนพระคชาธาร พระแสงดาบพาดพระเพลา นายควาญช้างและท้ายช้างประกอบขนาดเท่าครึ่งของครึ่งพระองค์จริง น้ำหนักวัสดุทองเหลืองที่ใช้ในการจัดสร้างประมาณ 20 ตัน งบประมาณในการก่อสร้างเป็นเงินประมาณ 50 ล้านบาท สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2543 และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมงกุฎราชกุมารเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดพระบรมราชนุสาวรีย์ เมื่อวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2546

เดินทางโดยรถยนต์ ไปตามทางถนนเพชรเกษมหรือถนนบรมราชชนนี ผ่านนครชัยศรีนครปฐม บ้านโป่ง ท่ามะกา ท่าม่วงถึงจังหวัดกาญจนบุรี รวมระยะทาง 129 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1.3 ชั่วโมง หากดินทางโดยรถประจำทาง มีรถปรับอากาศชั้นหนึ่ง (ออกจากสายใต้ใหม่ไปตามเส้นทาง ถนนบรมราชชนนี-นครชัยศรี) ออกทุก 20 นาที ตั้งแต่เวลา 05.00-22.30 น. รถปรับอากาศ ชั้น 2 ทุกๆ 20 นาทีมีบริการ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางสายเก่า ถนนเพชรเกษม-อ้อมใหญ่นครชัยศรี และเส้นทางสายใหม่ ถนนบรมราชชนนี-นครชัยศรี ตั้งแต่เวลา 05.10-21.00 น. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 02 435 5012

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...