ดีอีเอส มอบ กสทฯ นำร่องเปิดจุดให้บริการไวไฟฟรีชุมชนเมือง 10 แห่งทั่วประเทศ ภายในเดือน ก.ย. นี้ พร้อมขยายศูนย์ดิจิทัลชุมชนทั่วประเทศ 250 แห่งให้ได้ในสิ้นปี ด้วยงบ 147 ล้านบาท
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ได้มอบหมายให้ บมจ. กสท โทรคมนาคม ทำโครงการนำร่องขยายจุดให้บริการฟรี ไว-ไฟในชุมชนเมืองจำนวน 10 แห่ง แบ่งเป็นในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัดอย่างละเท่าๆ กัน โดยให้แล้วเสร็จภายใน ก.ย.นี้ โดยตัวโครงการจะแตกต่างจากศูนย์ดิจิทัลชุมชน ภายใต้เน็ตประชารัฐที่มุ่งเน้นไปที่พื้นที่ห่างไกล แต่โครงการนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระประชาชนในพื้นที่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงบริการ และคัดเลือกจากพื้นที่ซึ่งกสทฯมีโครงข่ายไฟเบอร์ ออฟติกอยู่แล้ว
รวมทั้งจะกำหนดระยะเวลาการใช้บริการสำหรับผู้ที่ log-in เข้าใช้งานฟรีแต่ละครั้งไม่เกิน 30-45 นาที แต่ถ้าจะใช้งานนานกว่านั้น ต้องทำการ log-in ใหม่ รวมทั้งจะมีการกำหนดให้ใช้รหัสผ่านในการเข้าใช้งาน เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้มีการเข้าถึงและใช้ออนไลน์อย่างเหมาะสม
“โครงการนำร่อง ไวไฟฟรี ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการสนับสนุนชุมชนและประชาชนทุกพื้นที่ให้มีโอกาสใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้าถึงบริการภาครัฐ และใช้ประโยชน์ในกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และปรับวิถีการใช้ชีวิตแบบปกติใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ยิ่งต้องใช้ไวไฟผ่านมือถือในการทำกิจกรรม/ธุรกรรมต่างๆ ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการเดินทาง ลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ” นายพุทธิพงษ์ กล่าว พร้อมเปิดเผยด้วยว่า
อย่างไรก็ตาม สำหรับศูนย์ดิจิทัลชุมชน ในปีนี้เตรียมเพิ่มจำนวนศูนย์ฯให้ครอบคลุม 250 แห่งทั่วประเทศ โดยจะมีทั้งจุดเดิมและพื้นที่ใหม่ มุ่งเน้นพื้นที่ซึ่งเป็นศูนย์รวมของชุมชน ได้แก่ วัดมัสยิด นอกเหนือจากการติดตั้งตามโรงเรียน หรือบ้านผู้นำชุมชนอย่างที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายหลักที่มุ่งสร้างศูนย์ดิจิทัลชุมชนให้เยาวชนและคนทั่วไปเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ทุกวัน รวมทั้งเวลาหลักเลิกเรียน โดยตั้งงบประมาณไว้กว่า 147 ล้านบาท โดยจะมีการจัดเตรียมไว้ทั้งระบบคอมพิวเตอร์ เครือข่ายไวไฟพร้อมใช้งาน มีเจ้าหน้าที่ดูแลรวมถึงมีการจัดอบรมให้ความรู้และการขายสินค้าออนไลน์ วิธีนำเสนอสินค้าบนออนไลน์ให้น่าสนใจ การตั้งราคาที่เหมาะสมกับตลาด
ขณะเดียวกัน นายพุทธิพงษ์ ยังเป็นประธานเปิดตัวโครงการ Smart Sign On ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของประเทศ โดยกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการจากภาครัฐ ดังนั้น กระทรวงฯ จึงมุ่งส่งเสริมการนำเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งอินเทอร์เน็ตมาเป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ช่วยกระจายโอกาสในการสร้างเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น สอดรับกับวิสัยทัศน์ที่ต้องการผลักดันการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศไทย 4.0
โดยโครงการนี้นอกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงแก่ประชาชนแล้ว ยังมีอีกมิติหนึ่งคือการพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการผลักดันและสร้างสิ่งดี ซึ่งจะเป็นพลังในการขับเคลื่อนสังคมและประเทศชาติไปสู่อนาคตได้อย่างเข้มแข็งและก่อให้เกิดความภูมิใจในการสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวมร่วมกัน
ด้านนางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) กล่าวว่า การริเริ่มจัดทำโครงการ Smart Sign On เกิดจากความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการให้สะดวกยิ่งขึ้น โดยจัดให้มีระบบตรวจสอบสิทธิ์การเข้าใช้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะที่เชื่อมโยงกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง รวมทั้งบูรณาการร่วมกับโครงการบริการอินเทอร์เน็ตชายขอบซึ่งผู้ใช้บริการลงทะเบียนเพียงครั้งเดียว แต่จะสามารถใช้บริการ Free Wi-Fi ได้จากผู้ให้บริการทุกรายที่เข้าร่วมโครงการ เช่น โครงการ Smart City จังหวัดภูเก็ต โครงการบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะสู่ชุมชน รวมทั้งการให้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะของผู้ให้บริการภาคเอกชน
โดยการจัดทำโครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตชั้นนำ โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส (ADVANC), บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) รวมทั้ง บมจ.กสท โทรคมนาคม (CAT) ที่ร่วมบูรณาการในการพัฒนาการให้บริการระบบตรวจสอบสิทธิ์การเข้าใช้งาน (Smart Sign On) ได้เป็นผลสำเร็จ โดยในขณะนี้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวสามารถใช้งานได้แล้วที่จุดให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายฟรีในที่สาธารณะที่กระจายอยู่ตามสถานที่ชุมชน อาทิ สถานศึกษา สถานบริการภาครัฐ สถานีขนส่ง รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วประเทศ โดยประชาชนทั่วประเทศทั้งที่เป็นผู้ใช้งานใหม่และผู้ใช้งานรายเดิมสามารถเข้าใช้งาน Free Wi-Fi นี้ได้ในชื่อบริการ GTH Wi-Fi ด้วย Username และ Password เดียวกันทั้งในรูปแบบ Web Portal uas Mobile Application