21 กันยายน 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงาน บรรดานักวิจัยจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยชิคาโก (UChicago) ได้ดำเนินการศึกษาข้อมูลย้อนหลังของกลุ่มผู้ป่วยที่เข้ารับการตรวจหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และพบความเชื่อมโยงระหว่างการขาดวิตามินดีและความเป็นไปได้ที่จะติดเชื้อไวรัสดังกล่าว
บรรดานักวิจัยได้ตรวจสอบผู้ป่วย 489 รายที่ศูนย์การแพทย์ ซึ่งได้รับการวัดระดับวิตามินดีภายในช่วง 1 ปีก่อนได้รับการตรวจหาโรคโควิด-19 โดยผู้ป่วยที่มีภาวะขาดวิตามินดี หรือมีปริมาณวิตามินดีน้อยกว่า 20 นาโนกรัมต่อเลือด 1 มิลลิลิตรที่ไม่ได้รับการรักษานั้น มีแนวโน้มได้ผลการทดสอบโรคโควิด -19 เป็นบวกมากกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่มีระดับวิตามินเพียงพอเกือบ 2 เท่า
“วิตามินดีมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน อีกทั้งมีรายงานว่าอาหารเสริมวิตามินดีเคยช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจมาแล้ว” เดวิด เมลต์เซอร์ หัวหน้าฝ่ายอายุรศาสตร์โรงพยาบาลของศูนย์การแพทย์ และผู้เขียนหลักของบทความการศึกษานี้ระบุว่า “การวิเคราะห์ทางสถิติของเราชี้ให้เห็นว่าการติดโรคโควิด-19 อาจเกิดขึ้นด้วยสาเหตุนี้จริง”
เป็นที่คาดว่าชาวอเมริกันครึ่งหนึ่งประสบภาวะขาดวิตามินดี และอัตรายังเพิ่มสูงกว่านั้นในกลุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน เชื้อสายสเปน และบุคคลที่แยกตัวอยู่คนเดียวในหลายพื้นที่ เช่น ชิคาโก เมืองที่ได้รับแสงแดดน้อยในฤดูหนาว
“การเรียนรู้ว่าการรักษาภาวะขาดวิตามินดีอาจช่วยลดระดับความเสี่ยงติดโรคโควิด-19 อาจมีความสำคัญอย่างยิ่งในระดับท้องถิ่น ประเทศ และโลก” เมลต์เซอร์กล่าว “วิตามินดีมีราคาไม่แพง และโดยทั่วไปก็มีความปลอดภัยในการรับประทานและสามารถปรับระดับการรับประทานได้อย่างกว้างขวาง”
คณะนักวิจัยกำลังวางแผนดำเนินการทดลองทางคลินิกเพิ่มเติม พวกเขาเน้นถึงความสำคัญของการศึกษาเชิงทดลองเพื่อตรวจสอบว่าการรับประทานวิตามินดีเพิ่มสามารถลดความเสี่ยงและความรุนแรงจากโรคโควิด-19 ได้จริงหรือไม่ รวมถึงการศึกษาว่ากลยุทธ์ใดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเสริมวิตามินดีในประชากรกลุ่มเฉพาะ
อนึ่ง รายงานการศึกษานี้ถูกโพสต์บนเว็บไซต์ของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยชิคาโก เมื่อวันอังคาร (8 ก.ย.)