นายชนินทร์ เชาวน์นิรัติศัย เผยครึ่งปีหลัง มุ่งเน้นการสร้างความเติบโต ตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ คือ การบริหารจัดการโรงไฟฟ้าให้เดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และการบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนงานและงบประมาณที่วางไว้
การลงทุนในโครงการ Greenfield และการพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว และการซื้อสินทรัพย์ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์เพื่อให้บริษัทฯ รับรู้รายได้ทันที
นอกจากนี้ยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจไฟฟ้าซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของเอ็กโก กรุ๊ป เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสเติบโตได้อีกมาก แต่จะมุ่งเน้นขยายธุรกิจในต่างประเทศที่มีฐานอยู่แล้วและสามารถขยายตลาดได้อีก เช่น ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดหลัก รวมทั้ง สปป.ลาว และอินโดนีเซีย
โดยปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วในฟิลิปปินส์ 2 โรง และโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 โครงการ คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมกว่า 1,100 เมกะวัตต์ สำหรับประเทศที่เริ่มเข้าไปลงทุน ได้แก่ ออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศอาเซียนอื่นๆ เช่น เวียดนาม และเมียนมา
นอกจากนี้เอ็กโก กรุ๊ป ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ในต่างประเทศอีก 5 โครงการ ได้แก่ สปป.ลาว มี 2 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “ปากแบง” กำลังการผลิต 912 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ “น้ำเทิน 1” กำลังการผลิต 650 เมกะวัตต์ อินโดนีเซีย มี 1 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ “สตาร์ เอนเนอร์ยี่ ส่วนขยาย (หน่วยที่ 3 และ 4)” กำลังการผลิตหน่วยละ 60 เมกะวัตต์ เวียดนาม มี 1 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน “กวางจิ” กำลังการผลิต 1,220 เมกะวัตต์ และเมียนมา มี 1 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้า ในนิคมอุตสาหกรรมทวาย
“สำหรับประเทศไทย บริษัทฯ ยังแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าเช่นกัน เช่น โครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ประเภทพลังงานหมุนเวียน ซึ่งภาครัฐส่งเสริมให้เอกชนเข้าดำเนินการ และโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ประเภทโคเจนเนอเรชั่น ซึ่งสามารถต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ
ทั้งนี้เอ็กโก มีแผนลงทุนเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนไว้ทั้งหมด 30% ใน 10 ปี ข้างหน้า