เป็นข่าวฮือฮาไม่น้อยเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมา หลัง ส.ส. (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) ท่านหนึ่งออกมาแถลงข่าว ปลดทันที ผู้ช่วย ส.ส.(สมาชิกสภาผู้แทนรษฎร) ของตัวเอง เมื่อผู้ช่วย ส.ส.ท่านนั้น ออกมากล่าววิจารณ์ประชาชนที่ไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากการเยียวยารับเงิน 5,000 บาท ที่กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 เพราะน้อยนักที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โดยที่ผ่านมาก็มักจะผ่านๆ เลยๆ ลืมๆ กันไป
อย่างไรก็ตาม ผลของการเอาจริงเอาจัง ไม่ปล่อยผ่านไปกับประเด็นการเข้าข่ายดูหมิ่นประชาชนดังกล่าว จึงได้รับการจับตาไปที่ ส.ส.คนดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ซึ่ง ส.ส.ก็คือ “ยศวัฒน์ มาไพศาลสิน” ส.ส.หนุ่มหน้าใหม่ถอดด้าม เขต 3 (อ.ท่ามะกา และอ.พนมทวน) จังหวัดกาญจนบุรี สังกัดพรรคภูมิไทย แต่เมื่อดูภูมิหลังแล้ว เขามิใช่คนหน้าใหม่เลยสำหหรับชาวเมืองกาญจนบุรี เพราะเคยดำรงตำแหน่งทางท้องถิ่นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) กาญจนบุรี และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดอนชะเอม อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เป็นบุตรของ “วิฑิต มาไพศาลสิน” หรือ “นายอำเภอกู้” อดีตนายอำเภอหนองปรือ คนท่ามะกา ที่เคยลาออกและลงเลือกตั้งเมื่อปี 2554 พรรคเพื่อไทย เขต 5 จังหวัดกาญจนบุรี แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขกฉบับนี้ มีโอกาสได้เข้าพูดคุยกับ ส.ส.หนุ่มหล่อไฟแรงท่านนี้ ซึ่งชาวเมืองกาญจน์จะเรียกขาน ส.ส.หนุ่มท่านนี้ว่า “ส.ส.กุ๊ก”ซึ่งก็เริ่มพูดคุยด้วยรอยยิ้มที่สดใสว่า เป็นคนจังหวัดกาญจนบุรีมาตั้งแต่กำเนิด จบการศึกษาคณะรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท มีความชอบในการทำงานด้านการเมืองมาตั้งแต่เด็ก โดยได้ทำงานและติดตามผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการเมืองมาโดยตลอดทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ เริ่มมาจากคุณพ่อที่รับราชการประจำจนลาออกมาลงการเมืองสนามใหญ่ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตัวเขาเริ่มสนใจที่จะทำงานด้านการเมือง
“เราเองก็มองเห็นผู้นำท่านหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี นั่นคือ พล.ต.ศรชัย มนตรีวัฒน์ ซึ่งเป็นอดีตส.ส.ของจังหวัดกาญจนบุรีและก็เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย ซึ่งได้มีโอกาสติดตามท่านในการทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ก็มีความชื่นชอบแนวทางการทำงานจนถือเป็นแรงบันดาลใจในการที่จะมาทำงานให้กับพี่น้องประชาชนในจังหวัดกาญฯ โดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนา” ส.ส.กุ๊ก กล่าวถึงนักการเมืองต้นแบบของเขา
ส.ส.กุ๊กเล่าให้ฟังด้วยว่าเดิมเป็นข้าราชการประจำมาก่อนในตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผนของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยบรรจุที่องค์การบริหารส่วนตำบล และพออายุ 25 ปีได้ลาออกเพื่อมาลงเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดกาญจนบุรี แล้วก็ได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชน ซึ่งในการที่ได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชนในครั้งนั้น ก็เป็นผลพวงมากจากการที่ตัวเขาได้ติดตามและมองการทำงานทางการเมืองของพล.ต.ศรชัยและคุณพ่อ ประกอบกับการรับราชการที่ได้พบกับพี่น้องประชาชนทำให้ได้รับทราบรับรู้ถึงปัญหาและความต้องการของพี่น้องประชาชน
ส.ส.กุ๊ก ได้เล่าให้ทีมงานฟังถึงความรู้สึกการทำงานทางการเมืองว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยตอนเป็นสมาชิกสภาจังหวัดจะเป็นผู้ประสานงานในเรื่องของนำปัญหาไปเสนอ แต่ด้วยคำว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดจึงอาจติดเรื่องของงบประมาณและเรื่องของตำแหน่งที่เป็นเพียงผู้ประสานและติดตามเท่านั้น ซึ่งไม่เหมือนกับการเป็นฝ่ายบริหาร จนมาในปี 2559 มีโอกาสได้มาลงเป็นผู้บริหารในการลงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ซึ่งตรงนี้ก็เปลี่ยนบทบาทจากการเป็นสมาชิกมาเป็นผู้บริหารส่งผลให้รับรู้ถึงบทบาทของการเป็นผู้บริหาร เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหา การรับรู้ดูแลพี่น้องประชาชนจะมีบทบาทที่เพิ่มมากขึ้น
“จากนั้นก็ตัดสินใจลาออกจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบลมาลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อที่จะมาทำงานในส่วนของ ส.ส. ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าการทำงานแตกต่างออกไป แน่นอนว่าทำงานระดับชาติปัญหาและความต้องการของพี่น้องประชาชนจะฝากไว้ที่ ส.ส. เพราะส.ส.ต้องเป็นปากเป็นเสียงให้กับพี่น้องประชาชนในทุกๆด้านในการประสานงานเรื่องต่างๆผ่านการทำงานของ ส.ส.ไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะกฎหมายฉบับนี้ที่นักการเมืองไม่สามารถไปบริหารจัดการในเรื่องของงบประมาณได้ เพราะฉะนั้นในการเป็นส.ส.ที่ถือว่าเป็นสมัยแรกสิ่งที่แตกต่างออกไปจากการเป็นสจ.ก็คือว่าเราต้องแก้ไขและพัฒนาทำงานให้กับพี่น้องประชาชนให้กับจังหวัดและให้กับประเทศ” ส.ส.กุ๊ก เปิดใจ
ส.ส.กุ๊ก ยอมรับว่า ตัวเขามีนิสัยของคนรุ่นใหม่ดังนั้นในการทำงานต่างๆ ต้องมีการพัฒนาตลอดเวลาประกอบเป็นคนบ้างานและมีคำยึดมั่นในการทำงานจากคำสอนของพล.ต.ศรชัยที่เคยบอกกับตัวเขาว่าถ้าหากได้เป็นผู้แทนแล้วจะในระดับใดก็ตาม “อย่าทิ้งพี่น้องประชาชน” เพราะฉะนั้นส.ส.กุ๊กจึงยึดแนวทางคำสอนนี้เป็นอุดมการณ์มาโดยตลอด นั่นคือ“ไม่ทิ้งพื้นที่ ไม่หนีประชาชน”ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานมา 13 ปีพี่น้องประชาชนได้ให้ฉายาว่าเป็นคนที่ทำงานด้วยความจริงใจและสร้างความสุขสดใสด้วยรอยยิ้ม นั่นเป็นเพราะ“ทำงานจริงจังและตั้งใจจริง" โดยเวลาพบปะพี่น้องประชาชนจะให้ความสุขกับพวกเขาในเบื้องต้นด้วยรอยยิ้มเสมอ
สำหรับชีวิตที่นอกเหนือจากการทำงาน ส.ส.หนุ่มเมืองกาญจน์ บอกว่าด้วยว่ามักจะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส และโชคดีที่ครอบครัวที่มีคุณพ่อ คุณแม่ พี่ๆน้องๆที่เข้าใจและให้การสนับสนุนในด้านการทำงานอย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้หากมีเวลาว่างแม้จะเพียงน้อยนิดจะพยายามออกกำลังกายด้วยการการเข้าฟิตเนส การวิ่งและตีแบดโดยจะบริหารจัดการเวลาระหว่างการทำงานกับการพักผ่อนให้เหมาะสม เช่น ทุกๆวันอาทิตย์จะกำหนดไว้ว่าช่วงเช้าจะไปออกกำลังกายร่วมกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่ง ส.ส.กุ๊กถือเป็นสิ่งที่ดีอย่างมาก
“คือตัวเราเองก็ได้ออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ประกอบกับได้มีโอกาสพบปะพี่น้องประชาชน ได้ร่วมพูดคุยรับฟังถึงความเป็นอยู่ความต้องการและปัญหาเพื่อให้เราสามารถรับรู้เรื่องราวได้อย่างแท้จริงที่ไม่ใช่ไปออกงานแสดงความยินดีในงานมงคลหรือไปแสดงความเสียใจในงานสีดำเท่านั้น”
ท้ายนี้ ส.ส.กุ๊กย้ำว่าตัวเขาเติบโตมากับการเมืองมีความคิดมุ่งเน้นที่ตั้งใจจะทำงานจริงๆ เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนผิดหวังที่เลือกเข้ามา