นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการนํายางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน (Kick Off) จังหวัดอุทัยธานี โดยมี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายธนิศร์ วงศ์ปิยะสถิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท และประชาชนในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ชัยนาท นครสวรรค์ และอุทัยธานี ให้การต้อนรับและเข้าร่วมงาน ในวันที่ 30 กันยายน 2563 ณ บริเวณทางหลวงหมายเลข 3265 ตอนแยกโคกหม้อ - ท่าซุง กม.ที่ 7+725 ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการนํายางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน (Kick Off) ณ จังหวัดอุทัยธานีครั้งนี้ ถือเป็นโครงการต่อเนื่องจากพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง “อุปกรณ์ทางด้านการจราจรและอำนวยความปลอดภัยทางถนน ที่ผลิตจากยางพารา” เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในหน่วยงานภาครัฐระหว่างกระทรวงคมนาคมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่มอบหมายให้หน่วยงานของรัฐส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงาน 1 ล้านตัน ภายใน 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 - 2565 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากปัญหาราคายางตกต่ำ และยางล้นตลาด กระทรวงฯ จึงได้นำนโยบายดังกล่าวมาปฏิบัติด้วยการนำผลิตผลจากยางพารามาเป็นส่วนผสมในการก่อสร้าง ซ่อมบำรุงถนน และผลิตอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย โดยยางพาราที่นำมาใช้ต้องเป็นรูปแบบที่สามารถผลิตได้เองภายในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ผลการศึกษาและวิจัยพบว่ามี 2 ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ปริมาณยางพาราเป็นส่วนผสมจำนวนมาก และสามารถลดความรุนแรงของการชนปะทะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คือ 1) ยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต (Rubber Fender Barrier : RFB) และ 2) หลักนำทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post : RGP) ซึ่งสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และสถาบัน Korea Automobile Testing & Research Institute (KATRI) สาธารณรัฐเกาหลี ได้รับรองผลการทดสอบผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ในปี 2563 - 2565 ทล. และ ทช. มีแผนการดำเนินโครงการ RFB และ RGP ที่จะใช้ยางพารากว่า 1,000,000 ตัน ซึ่งช่วยสร้างรายได้โดยตรงให้แก่เกษตรกรคิดเป็น 71% หรือเป็นผลตอบแทนกว่า 30,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายการผลิต RFB ระยะทาง 12,282.74 กิโลเมตร ใช้งบประมาณรวม 83,421.602 ล้านบาท และเป้าหมายการผลิต RGP จำนวน 1,063,651 ต้น ใช้งบประมาณ 2,202.172 ล้านบาท และจะมีการสำรวจในปี 2566 เป็นต้นไป เพื่อเปลี่ยน RFB และ RGP ที่เสื่อมสภาพหรือมีความเสียหายเกิดขึ้น ซึ่งต้องใช้ยางพาราทุก ๆ ปี ปีละไม่น้อยกว่า 336,000 ตัน ซึ่ง RFB และ RGP ที่เสื่อมสภาพหรือชำรุดเสียหายจะนำมาทำการ Reuse ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น หลักเขตทางเนินชะลอความเร็ว (Speed humps) ฐานกรวยถ่วงน้ำหนัก หรือทำการย่อยให้อยู่ในรูปแบบยางครัมบ์ (Crumb Rubber) เพื่อจำหน่ายในอุตสาหกรรมที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต