นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 4/2563 ที่มีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ว่า นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำผลักดันให้เกิดการลงทุน เพื่อร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศในอนาคต ซึ่งการลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ได้พบปะนักลงทุนไทยและต่างประเทศ และติดตามแนวทางการเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบังกับนานาชาติ ให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทั้งภายในและระหว่างภูมิภาค
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า รัฐบาลจริงจังต่อการขับเคลื่อน EEC และผลักดันให้เกิดการลงทุน วางแผนอนาคต สร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เกิดขึ้นได้จริง รวมทั้งการลงทุนในพื้นที่ EEC ที่ทุกหน่วยงานต้องเร่งสื่อสารและสร้างการรับรู้ ร่วมกันเดินหน้าตามแผนการลงทุน โดยเห็นว่าการพัฒนาคนสำคัญที่สุด ต้องยกระดับและปรับฝีมือแรงงาน เพื่อรองรับการลงทุนและความต้องการของผู้ประกอบการในพื้นที่ และสอดคล้องกับอนาคตของประเทศ พร้อมย้ำให้ดูแลเกษตรกรและประชาชนที่อยู่รอบด้านและในพื้นที่ EEC ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่การพัฒนา เพื่อเดินหน้าส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรไทยด้วย พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังได้รับทราบ การเตรียมจัดมหกรรมจัดหางาน หรือ EEC Job and Skill Expo ในพื้นที่ EEC ในเร็วๆ นี้ด้วย
นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบเห็นชอบวาระสำคัญ ได้แก่ แนวทางการเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบังกับนานาชาติ ประกอบด้วย โครงการท่าเรือบก (Dry port) ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณสินค้าเข้าท่าเรือแหลมฉบังได้ถึง 2 ล้านตู้สินค้าต่อปี โครงการเชื่อมอ่าวไทยและอันดามัน (ท่าเรือชุมพร ท่าเรือระนอง Land Bridge) เพิ่มศักยภาพท่าเรือน้ำลึกทั้งสองแห่ง ช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าและโครงการสะพานไทย เพื่อเชื่อมโยงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC กับเขตพัฒนาพิเศษภาคใต้ SEC ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะสร้างประโยชน์ทั้งในเชิงการท่องเที่ยวและลดต้นทุนการขนส่งสินค้าระหว่างภาคใต้และท่าเรือแหลมฉบังด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบแต่งตั้ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานอนุกรรมการบริหารใน กพอ. และแต่งตั้งนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กพอ.ด้วย