กสศ.เปิดสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา หลัง COVID-19 พบกระทบเด็กนักเรียนยากจนพิเศษเพิ่มขึ้น 170,000 คน ครัวเรือนยากจนพิเศษ รายได้เฉลี่ยลดลงเหลือเพียง 36 บาทต่อวัน และพึ่งพาสวัสดิการจากรัฐเป็นแหล่งรายได้หลักมากขึ้น
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) รายงานสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา หลัง COVID-19 ภาคเรียนที่ 1/2563 โดยสถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (วสศ.) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ได้รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ถึงผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ต่อรายได้และการมีงานทำของครัวเรือนนักเรียนยากจนและนักเรียนยากจนพิเศษ ภายหลังสถานการณ์ COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา
ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการ กสศ. เปิดเผยว่า สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา หลัง COVID-19 ภาคเรียนที่ 1/2563 พบว่ามีนักเรียนยากจน 1.7 ล้านคน แบ่งเป็นนักเรียนยากจนพิเศษ 1 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าภาคเรียน 2/2562 มากกว่า 1.7 แสนคน
เมื่อหากเปรียบเทียบก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ในภาคเรียนที่ 1/2562 พบว่ามีนักเรียนยากจนพิเศษ ที่ผ่านการคัดกรองใหม่ จำนวน 652,341 คน ประกอบไปด้วย กลุ่มเป้าหมายใหม่คือนักเรียนอนุบาลสังกัด สพฐ. ทั่วประเทศ 146,693 คน นักเรียนกลุ่มเดิมที่คัดใหม่เนื่องจากครบ 3 ปีการศึกษา 313,361 คน นักเรียนสังกัดอปท.และตชด. 14,834 คน และกลุ่มใหม่ที่คาดว่ายากจนเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจผนวกกับสถานการณ์ COVID-19 จำนวน 177,453 คน หรือ เพิ่มขึ้นราวร้อยละ 50 ของนักเรียนยากจนพิเศษ ก่อนมีสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19
ขณะที่ นส.ณัฐชา ก๋องแก้ว นักเศรษฐศาสตร์การศึกษา วสศ. กล่าวถึงการวิเคราะห์เชิงลึกข้อมูลครัวเรือนนักเรียนยากจนพิเศษมากกว่า 600,000 ครัวเรือน พบว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของครอบครัวนักเรียนยากจนพิเศษกลุ่มใหม่ ทำให้รายได้เฉลี่ยลดลง จาก 1,205 บาท/คน/ครัวเรือน เหลือเพียง 1,077 บาท/คน/ครัวเรือน หรือเฉลี่ยวันละ 36 บาท
ขณะที่การสำรวจข้อมูลครัวเรือนนักเรียนยากจน พบว่า สมาชิกในครัวเรือนอายุ 15 - 65 ปี ว่างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 73 ของนักเรียนยากจนพิเศษที่คัดกรองใหม่หลังสถานการณ์ COVID-19 คาดว่าเป็นผลมาจากการกลับภูมิลำเนาเนื่องจากว่างงานในช่วง COVID-19 ที่สำคัญยังพบว่าผู้ปกครองนักเรียนลงทะเบียนบัตรสวัสดิการรัฐถึงร้อยละ 42