นาย
รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือร่วมกันระหว่าง ในเรื่องการนำนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้าประเทศไทย โดยจะมีการพิจารณาจังหวัดที่มีความพร้อมในการรับเป็นสถานที่กักตัว (Quarantine) ซี่งเบื้องต้น 1 จังหวัด เพื่อเป็นเกตุเวย์สำหรับกักตัว เป็นเวลา 14 วัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ว่าจะไม่เสี่ยงทำให้เกิดการแพร่ระบาดในประเทศไทยและในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อ โควิด-19 (ห้องแลปคัดกรองโรคโควิด) เพื่อพิจารณาว่า มีพื้นที่ อุปกรณ์เครื่องมือ เพียงพอที่จะสามารถรองรับจำนวนผู้โดยสาร กรณีที่รัฐบาลจะมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งระบบการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาเชื้อนั้น ทราบผลโดยใช้เวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง ซึ่งประเทศสิงคโปร์ สามารถตรวจสอบได้ ถึง 27,000 คนต่อวัน และจะขยายเป็น 40,000 คนต่อวัน
นอกจากนี้ ยังมอบนโยบายให้ทางบมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท.ไปดำเนินการเตรียมความพร้อมในการจัดเตรียมห้องแลปและเครื่องมือในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้รองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้อย่างเพียงพอ กับทุกท่าอากาศในความรับผิดชอบ ได้แก่ สุวรรณภูมิ , ดอนเมือง, เชียงใหม่, ภูเก็ต, แม่ฟ้าหลวง เชียงราย และหาดใหญ่
สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่รัฐบาลจะเปิดรับจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแบบ พำนักระยะยาว (Long Stay) และต่างชาติที่มีครอบครัวอยู่ในประเทศไทย โดยมาตรการคัดกรองก่อนเดินทางเข้ามาจะมีการตรวจหาเชื้อแบบใหม่ คือการเจาะเลือด ซึ่งจะมีผลยืนยัน 100% ซึ่งจะมีความแม่นยำกว่า การตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูก และเมื่อเดินทางถึงไทยจะตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง และมีการกักตัวในสถานที่กำหนดไม่น้อยกว่า 14 วัน ซึ่งเมื่อครบ 14 วัน และไม่พบเชื้อ จะผ่านการรับรอง และสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ ได้ของประเทศไทยได้