“สมุทรสาคร” หรือที่เรามักคุ้นกับการเรียกชื่อ “มหาชัย” นับเป็นเมืองติดชายฝั่งทะเลที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง อยู่ในเขตปริมณฑลของกรุงเทพฯ ซึ่งนอกจากอาหารทะเลและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งขึ้นชื่อแล้ว จังหวัดสมุทรสาครแห่งนี้ยังมีประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองที่ต้องจดจำไว้ด้วย นั่นคือ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5ทรงปฏิรูปการปกครองบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็นมณฑลเทศาภิบาลตำบลท่าฉลอม ที่อยู่ในเขตเมืองสมุทรสาคร ได้ถูกยกขึ้นเป็น สุขาภิบาลท่าฉลอม เป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย กล่าวง่ายๆ ก็คือ สุขาภิบาลเกิดขึ้นครั้งแรกก็ในจังหวัดสมุทรสาครนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การมาเยือนสมุทรสาครครั้งนี้คือจะพาท่านผู้อ่านลงลึกไปยังท้องถิ่น พร้อมทำความรู้จักกับบุคลากรที่ทำหน้าที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดของหน่วยงานท้องถิ่นในจังหวัดสมุทรสาครซึ่งก็คือ “สภาเทศบาลตำบลคอกกระบือ” อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
ส่วนบุคคลที่กล่าวว่าจะพาไปพบในครั้งนี้ก็คือ “ดร.กรียงศักดิ์ แสงสว่าง” หรือ “ดร.โจ้” หนึ่งในสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ตำบลคอกกระบือ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจุบันโดย ดร.โจ้ผู้นี้นอกจากจะเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลคอกกระบือแล้ว ยังได้รับเกียรติให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมศิษ์เก่าโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย สถาบันการศึกษาใหญ่ของจังหวัดสมุทรสาครอีกด้วย
ดร.โจ้เริ่มต้นพูดคุยกับเราว่า เป็นคนพื้นเพที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยเกิดที่“ท่าฉลอม” จบการศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นชีวิตครอบครัวสมบูรณ์ดี ในวัยเด็กก็ซนไปตามวัยเหมือนเด็กทั่วๆ ไป หลังจบการศึกษา ดร.โจ้ โดดเข้ามาทำหากินด้านธุรกิจนำเข้าและการค้าส่ง ส่วนการเข้าสู่แวดวงการเมืองครั้งแรกก็คือ การลงสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ของจังหวัดสมุทรสาครเมื่อปี 2557 โดยเป็น 1 ใน 3 ของบุคคลที่ลงชิงดำกัน แต่ครั้งนั้นไม่ได้รับแต่งตั้ง
ดร.โจ้ เล่าถึงการทำหน้าที่นายกสมาคมศิษ์เก่าโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัยให้ฟังด้วยว่า ก่อนหน้านี้เป็นประธานรุ่นมาก่อนจนได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัยในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นความภูมิใจด้านหนึ่ง เนื่องจากการทำหน้าที่นี้ ทำให้ได้มีโอกาสพบปะพูดคุย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับเพื่อนๆ ด้วยกันได้เป็นประจำ หรืออย่างน้อยก็ปีละครั้งจากงานเลี้ยงรุ่นประจำปีเพราะทุกคนก็ต้องมาใส่เสื้อสีเดียวกัน จะรวยจะจนมาจากไหนก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ นั่นก็เพราะคำว่าเพื่อนคือสีเดียวกัน
“พอมาเป็นนายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัยและได้จัดงานให้มีการพบปะเพื่อนฝูงกันทุกปีก็มีเพื่อถามไถ่เข้ามาว่าลงเล่นการเมืองเลยดีหรือไม่ แต่สำหรับผมแล้วมีแนวความคิดว่าถ้าการเมืองอะไรก็ตามถ้ามีผลประโยชน์ผมจะไม่แตะหรือไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็มีการชักจูงให้ผมมาลงการเมืองท้องถิ่นบ้าง ลง ส.ส.บ้างแต่ก็ปฎิเสธมาโดยตลอด จนตัดสินใจมาลงรับการสรรหาส.ว. เมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา” ดร.โจ้ เล่าถึงความหลังบางช่วงที่ผ่านมา
“แต่ถ้าหากถามว่าทำไมถึงปฎิเสธที่จะลงเล่นการเมืองมาโดยตลอด นั่นก็เป็นเพราะว่าถ้าจะเล่นการเมืองแล้วเล่นไม่บริสุทธิ์โปร่งใส ก็อย่าเล่นเสียดีกว่า ซึ่งนี่คือเหตุผลเลยว่า ทำไมถึงไม่อยากลงสนามการเมือง เพราะการเมืองมันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งนั้น”
นอกจากนี้ ก็มีปัญหาเรื่องการคอร์รัปชัน แม้ในขณะนี้ได้เข้ามาเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลฯ จากการสรรหาแล้วก็ตาม แต่ก็ยังรับทราบรับรู้ถึงปัญหานี้มาโดยตลอด ซึ่งเรื่องนี้แม้แต่ป.ป.ช. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) หรือสตง. (สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน) เองก็ไม่มีแนวทางที่จะมาแก้ปัญหาหรือป้องปราม โดยเฉพาะในเรื่องของราคาการจัดซื้อจัดจ้างได้เลย ดร.โจ้ ให้ความเห็น
ขณะที่ด้านการทำงานในส่วนของการเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลคอกกระบือ ดร.โจ้ กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ เป็นคนแต่งตั้งเข้ามาได้ไม่นาน ก็ให้ทำในเรื่องของการแปรญัติติงบประมาณ ซึ่งก็พยายามที่จะเข้ามาขับเคลื่อนในส่วนของการทำงานต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของความอยู่ดีกินดีของพี่น้องประชาชน ซึ่งจะเน้นเรื่องของสาธารณสุขและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
ดร.โจ้ ยังได้พูดถึงนิสัยส่วนตัวด้วยว่า เป็นคนโผงผาง พูดตรงแต่มีความจริงใจ ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ก็อาจจะไม่เข้าหูเข้าตาใครบ้างแต่ก็ไม่กลัวใคร เพราะคิดว่าได้ทำและพูดในสิ่งที่ถูกต้องและอยากที่จะช่วยทุกคนที่สามารถช่วยและทำได้ คือไม่ว่าจะเป็นใคร มาขออะไรมาก็พยายามที่จะช่วยแม้จะไม่ใช่เรื่องหรือคนในพื้นที่ก็พยายามที่จะช่วยเหลือซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องที่ติดตามจากสมัยก่อนตอนที่พอมีเวลาได้เข้าไปเป็นอาสาช่วยเก็บศพ ซึ่งก็เป็นยมีความคิดที่อยากจะช่วยเหลือสังคมบ้างเท่าที่จะทำได้
ส่วนกิจกรรมยามว่าง ดร.โจ้ บอกว่า จะออกกำลังกาย ซึ่งที่ชอบก็คือ การไปออกรอบตีกอล์ฟ และที่สำคัญที่ชอบมากอีกอย่างก็คือการไปเข้ารับการอบรมหาข้อมูลองค์ความรู้ในหลักสูตรต่างๆ ซึ่งทั้ง2 อย่างนี้เป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ได้ใช้ความคิด เช่น เรื่องของการคิดว่าจะใช้เหล็กตีกอล์ฟอย่างไร รวมถึงเรื่องของการเข้ารับการอบรมตามหลักสูตรต่างๆด้วย
อย่างไรก็ตาม ดร.โจ้ ยอมรับว่า ด้วยการทำงานจึงอาจมีเวลาว่างไม่ค่อยมากนัก ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด ขณะที่ครอบครัวเองมีความเข้าใจถึงการมุ่งมั่นการทำงานเพื่อส่วนรวมมากกว่าซึ่งอยู่ด้วยกันมา 40กว่าปีมีความเข้าใจกันดี ส่วนลูกๆก็จบการศึกษาจากต่างประเทศ
“อีกคนก็จบที่จุฬาฯก็เบาใจและสบายใจเพราะเขารับผิดชอบได้ดีและเป็นคนดีของสังคมและประเทศ และด้วยเวลาว่างที่ไม่ค่อยมีแม้จะไม่ค่อยได้เจอหน้ากันแต่ก็ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราได้พูดคุยและใกล้ชิดกันมากขึ้นซึ่งจะสอนลูกๆเสมอว่าเวลาคิดจะทำอะไรแล้วต้องลงมือทำและสิ่งที่เราทำเราคิดต้องไม่ไปสร้างปัญหาให้กับสังคมหรือบุคคลอื่นด้วยและที่สำคัญหากเรามีกำลังพอที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้บ้างก็ขอให้ช่วย” ดร.โจ้ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลคอกกระบือ จังหวัดสมุทรสาคร กล่าวกับ อปท.นิวส์ ในท้ายสุด