กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ในพื้นที่ 25 จังหวัด รวม 86 อำเภอ 241 ตำบล 849 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,273 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย (จันทบุรี) บาดเจ็บ 3 ราย (สิงห์บุรี) ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี นครราชสีมา สระแก้ว สุราษฎร์ธานี ตรัง สตูล นครศรีธรรมราช สมุทรสาคร นครปฐม กาญจนบุรี และอุทัยธานี สถานการณ์ภาพรวมระดับน้ำท่วมลดลง ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง และสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2563 – ปัจจุบัน (18 ตุลาคม 2563 เวลา 06.00 น.) มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย รวม 25 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง อุทัยธานี สมุทรสาคร กาญจนบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี ราชบุรี นครปฐม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล และสงขลา รวม 86 อำเภอ 241 ตำบล 849 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,273 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย (จันทบุรี) บาดเจ็บ 3 ราย (สิงห์บุรี) แยกเป็น
พื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก รวม 24 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ สระแก้ว ชัยนาท สิงห์บุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง อุทัยธานี สมุทรสาคร กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา กระบี่ ตรัง สตูล และสงขลา รวม 76 อำเภอ 228 ตำบล 827 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,214 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ในจังหวัดจันทบุรี
ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขัง 11 จังหวัด ดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี แม่น้ำมูลเอ่อล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี ประชาชนได้รับผลกระทบ 6 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง นครราชสีมา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 13 อำเภอ 46 ตำบล 124 หมู่บ้าน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปักธงชัย อำเภอโชคชัย อำเภอโนนสูง อำเภอพิมาย และอำเภอสีคิ้ว สถานการณ์ภาพรวมระดับน้ำเพิ่มขึ้น ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสระแก้ว อำเภอเขาฉกรรจ์ อำเภอวังสมบูรณ์ อำเภอโคกสูง อำเภอคลองหาด อำเภอวังน้ำเย็น อำเภอวัฒนานคร และอำเภออรัญประเทศ รวม 21 ตำบล 72 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 473 ครัวเรือน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสระแก้ว อำเภอวัฒนานคร และอำเภออรัญประเทศ ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอพระแสง รวม 5 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 300 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ตรัง น้ำจากคลองนาน้อยและคลองชีล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง อำเภอสิเกา อำเภอวังวิเศษ อำเภอกันตัง อำเภอห้วยยอด อำเภอนาโยง อำเภอปะเหลียน และอำเภอย่านตาขาว รวม 38 ตำบล 161 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,472 ครัวเรือน ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง และอำเภอกันตัง ระดับน้ำลดลง สตูล น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอละงู อำเภอท่าแพ อำเภอควนโดน อำเภอมะนัง อำเภอเมืองสตูล และอำเภอทุ่งหว้า รวม 20 ตำบล 98 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,178 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอละงู อำเภอท่าแพ และอำเภอเมืองสตูล ระดับน้ำลดลง และนครศรีธรรมราช น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอช้างกลาง อำเภอถ้ำพรรณรา และอำเภอนาบอน รวม 7 ตำบล 28 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 483 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอช้างกลาง ระดับน้ำลดลง ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร น้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบน รวม 2 ตำบล 5 หมู่บ้าน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง นครปฐม น้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดอนตูม และอำเภอกำแพงแสน รวม รวม 11 ตำบล 96 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทล 30 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง กาญจนบุรี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอท่ามะกา และอำเภอห้วยกระเจา รวม 6 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง อุทัยธานี น้ำท่วมขังในพื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่าง ประชาชนได้รับผลกระทล 44 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
พื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 4 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท กาญจนบุรี สิงห์บุรี และพังงา รวม 6 อำเภอ 9 ตำบล 18 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 59 หลัง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างการฟื้นฟู
พื้นที่ได้รับผลกระทบจากดินสไลด์ 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต สตูล และกระบี่ รวม 4 อำเภอ 4 ตำบล 4 หมู่บ้าน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนเรือท้องแบน พร้อมเครื่องยนต์ รถบรรทุกติดตั้งเครน รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยไปยังจุดอพยพ อีกทั้งแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อการดำรงชีพ สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจประเมินความต้องการการช่วยเหลือของผู้ประสบภัย พร้อมจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการประกอบอาชีพ ชีวิตความเป็นอยู่ ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ สาธารณูปโภค เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ตลอดจนเร่งซ่อมแซมและฟื้นฟูสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว สำหรับ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป