จากกรณีที่ได้เกิดเหตุการณ์รถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงประสบอุบัติเหตุชนกับรถบรรทุกพ่วงที่จังหวัดบุรีรัมย์ในคืนวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมาตามที่ปรากฎในข่าวนั้น นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานขอยืนยันว่า กระทรวงพลังงานโดย กรมธุรกิจพลังงานมีการกำกับดูแลรถบรรทุกน้ำมันที่มีมาตรฐานที่ชัดเจน ที่จะดูแลในส่วนของตัวถังน้ำมันกับอุปกรณ์การยึดติดตัวถังกับรถบรรทุกให้มีมาตรฐานความปลอดภัยซึ่งต้องมีการตรวจสอบและต่ออายุใบอนุญาตทุกปี และต้องมีการติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลที่สามารถบันทึกระยะทาง เวลาและความเร็วของรถได้ตลอด 24 ชั่วโมง และผู้ประกอบกิจการต้องเก็บข้อมูลที่บันทึกไว้ให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ไม่น้อยกว่า 7 วัน ซึ่งในกรณีหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นผู้ประกอบการต้องรายงานการเกิดอุบัติเหตที่ทำให้ถังขนส่งน้ำมัน ระบบท่อ และอุปกรณ์ชำรุดเสียหายจนน้ำมันรั่วไหลหรือเกิดเพลิงไหม้ต่ออธิบดีกรมธุรกิจพลังงานภายใน 24 ชั่วโมงนับจากการเกิดอุบัติเหตุ ส่วนตัวรถบรรทุกนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของกรมขนส่งทางบก
ซึ่งในเหตุการณ์ดังกล่าวคงต้องรอการพิสูจน์ว่าเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งกระทรวงพลังงานเองนั้นยืนยันว่ามีมาตรฐานการกำกับดูแลที่ชัดเจนในส่วนของถังน้ำมันกับอุปกรณ์ที่ติดกับตัวรถที่ได้มาตรฐานและความปลอดภัย มีการตรวจสอบทุกปี ด้านคนขับรถบรรทุกน้ำมันก็จะต้องมีบัตรผู้ปฏิบัติงานจากกรมธุรกิจพลังงานซึ่งมีการอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจการขับขี่ปลอดภัยก่อนจึงจะสามารถขับได้ ในส่วนของความรับผิดชอบต่อความเสียหายอันเกิดจากการประกอบกิจการรถขนส่งน้ำมัน ประชาชนที่ได้รับผลกระทบนอกจากจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัย พ.ศ.2535แล้ว ผู้ประกอบกิจการรถขนส่งน้ำมันยังได้มีการประกันภัยความรับผิดชอบเพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอกอันเกิดจากการประกอบกิจการดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2542 โดยมีจำนวนเงินของประกันภัยสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อครั้งซึ่งไม่น้อยกว่า 500,000 บาท
“กระทรวงพลังงานขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามผมได้ประสานสั่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน และพลังงานจังหวัดบุรีรัมย์เข้าไปดูแลรายละเอียดการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งให้กำชับการดูแลรถขนส่งน้ำมันให้มีความรอบคอบมีมาตรฐานการทำงานตามกฎหมายของกรมธุรกิจพลังงาน เพื่อจะไม่ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีก” ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว