บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทพลังงานชั้นแนวหน้าของเอเชีย ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทชั้นนำในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ร่วมกับ RobecoSAM ผู้จัดและประเมินมาตรฐานการตรวจวัดศักยภาพความยั่งยืนของบริษัทสำหรับตลาดเกิดใหม่ประจำปี 2016 ในกลุ่มธุรกิจพลังงาน โดยปีนี้ นับเป็นปีที่ 3 ที่บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกดังกล่าว อีกทั้งยังได้รับคะแนนจากการประเมินสูงสุดในกลุ่มพลังงานถ่านหินและพลังงานเพื่อการใช้งาน และถือเป็นหนึ่งในห้าบริษัทของไทยที่ได้รับคัดเลือกจากกลุ่มดัชนีวัดความยั่งยืนดาวโจนส์ในธุรกิจพลังงานอีกด้วย
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ มีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคัดเลือกในครั้งนี้ รางวัลเหล่านี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของบ้านปูฯ ในการสานต่อแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนอย่างแท้จริง”
รายงานของ DJSI ระบุว่า บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ได้รับการคัดเลือกโดยประเมินจากความโดดเด่นของบริษัทฯ ในการผลักดันธุรกิจพลังงาน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค
“การเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนในความหมายของบ้านปูฯ คือ การดำรงอยู่ในระยะยาว โดยมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจหลักของเรา ทั้งในเรื่องผลประกอบการทางธุรกิจ การพัฒนาบุคลากร และวัฒนธรรมภายในองค์กร ซึ่งยังคงเน้นการบ่มเพาะปรัชญาการทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจต่างๆ ของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งสร้าง ความเป็นมืออาชีพ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ทำงานที่แตกต่างกัน ความคิดสร้างสรรค์เชิงบวก ความยืดหยุ่นในการทำงาน และความคล่องตัวในการทำงานในรูปแบบต่างๆ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บ้านปูฯ ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้” นางสมฤดี กล่าวเสริม
“บ้านปูฯ มุ่งมั่นในการเป็นพลเมืองที่ดีในทุกๆ ประเทศที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ จะมีการเตรียมการและศึกษาเชิงลึกด้านผลกระทบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนโครงการ หลังจากนั้นเราจะร่วมกับชุมชนท้องถิ่นในการกำหนดแผนงานเพื่อการเติบโตและพัฒนาร่วมกัน ในแผนกลยุทธ์ฉบับใหม่ เราให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตลอดจนการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนควบคู่กับพลังงานหลักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้บริษัทฯ มีการเติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป” นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย