ชุมชนรักษ์เขาบายศรี จ.จันทบุรี เป็นชุมชนเก่าแก่ที่เหมาะแก่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เนื่องจากมีวิถีการดำรงอยู่อย่างเรียบง่ายในแบบของสังคมเกษตรกรรม "สวนผลไม้" ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยของทรัพากรในชุมชน และจากการสั่งสมภูมิปัญญาในการทำสวนผลไม้มาอย่างยาวนาน ชาวชุมชนรักษ์เขาบายศรี จึงได้ร่วมกันจัดการทรัพยากรมาสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยสมาชิกในชุมชนร่วมกันเป็นเจ้าของ มีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นการดำรงรักษาไว้ซึ่งธรรมชาติที่สวยงาม มีการนำแนวคิดทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในการบำรุงรักษาสวนผลไม้
ตำนานเล่าว่า ที่มาของชื่อชุมชนคือ เมื่อแม่ฟักเอาของที่ยืมมาคืนที่เดิม ภูเขาที่แม่ฟักเอาของมาคืน ปากถ้ำจะปิดสนิทไม่เปิดอีกเลย ใครผ่านไปผ่านมาจะเห็นแต่บายศรีตั้งตระหง่านอยู่บนเขา เลยขนานนามภูเขาลูกนี้ว่า “เขาบายศรี” ต่อมามีผู้คนมาอาศัยอยู่มากขึ้น ตั้งบ้านเรือนมากขึ้น ชาวบ้านก็ช่วยกันสร้างวัดขึ้นชื่อว่า “วัดเขาบายศรี” ขยายขึ้นกว้างออกไป ก็เลยเป็นตำบลเขาบายศรีมาตลอดจนทุกวันนี้ พื้นที่เขาบายศรีโดยรอบเป็นบริเวณพื้นราบลุ่ม พื้นดินเป็นสีแดง เหมาะสำหรับปลูกพืชสวนผลไม้ จึงมีความชุ่มชื้น อากาศดี
ชุมชนรักษ์เขาบายศรี เป็นชื่อเรียกหมู่บ้าน หมู่ที่ 3.4 และ 5 ของตำบลเขาบายศรี ทั้ง 3 หมู่บ้าน เป็นหมู่บ้านที่มีอาณาเขตติดต่อกัน เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการตั้งบ้านเรือนครั้งแรกเมื่อใด บริเวณวัดเขาบายศรีมีเนินเขาเตี้ยๆ ชาวบ้านเรียกว่า "เขาบายศรี" มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า เดิมบริเวณนี้มีภูเขา 1 แห่ง กลางคืนจะมีเสียงเพลงแว่วมาจากภูเขา มีชาวบ้านได้นำเครื่องบายศรีไปกราบไหว้เทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณภูเขา ต่อมาจึงเรียกว่า "เขาบายศรี”
พื้นที่ของชุมชนรักษ์เขาบายศรีส่วนใหญ่จะเป็นสวนผลไม้ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงมีอาชีพเกษตรกรรม เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น จึงมีการรวมตัวกันดำเนินการเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ความโดดเด่นของชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตร รักษ์เขาบายศรี คือเรื่องของสวนผลไม้ อย่างเช่น ต้นทุเรียนโบราณที่มีอายุกว่า 100 ปี มีกิจกรรมสาธิตวิธีการเก็บผลไม้ นักท่องเที่ยวสามารถเก็บผลไม้ในสวนมาทำอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น น้ำพริกระกำ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการแปรรูปผลไม้ให้เป็นของทานเล่น เช่น ท๊อฟฟี่ถั่ว เป็นสินค้าที่ขึ้นชื่อของจังหวัดจันทบุรี และกิจกรรมปั่นจักรยานท่องเที่ยวในชุมชน ชมวิถีชีวิตของชาวสวน นอกจากสวนผลไม้แล้ว ชุมชนยังมีโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากจะมาพักค้าง เพื่อจะได้มีเวลาในการเรียนรู้วิถีชาวสวน มีสิ่งอำนวยความสะดวก บรรยากาศจะเน้นความเป็นธรรมชาติ สะอาด ปลอดภัย
โดยชุมชนมีการดำเนินการในรูปวิสาหกิจชุมชน มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเปิดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรมายาวนาน มีขนาดพื้นที่รวมกัน 60-70 ไร่ ในสวนมีผลไม้ ประกอบด้วย ทุเรียน มังคุด ลองกอง สละ กล้วย และสวนผักสวนครัว
นอกจากนี้ ยังเป็นชุมชนโบราณที่ทำการเกษตรมายาวนาน เริ่มจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 โดยมีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี เข้ามาให้ความรู้ในการทำการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ประกอบกับในช่วงเวลานั้น ผลผลิตทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ การจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรจึงเป็นแนวทางหนึ่งในการระบายผลผลิตและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร มีประสบการณ์ในการทำการเกษตรมายาวนาน มีต้นทุเรียนโบราณ ต้นมังคุดโบราณ อุโมงค์เก็บน้ำโบราณ อายุนับร้อยปี มีการบริหารจัดการโดยสมาชิกในชุมชน สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เป็นหนึ่งในชุมชนต้นแบบ ในคอนเซปต์ Gastro Paradiso ที่มีความโดดเด่นในเรื่องผลไม้
ด้วยความโดดเด่นในเรื่องผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นราชาผลไม้อย่างทุเรียน ราชินีผลไม้อย่างมังคุด และผลไม้ขึ้นชื่อของเมืองจันทร์อย่าง เงาะ ลองกองและระกำ ซึ่งในชุมชนได้จัดทริปบุฟเฟต์ผลไม้เด็ดทานได้จากต้น เมื่อเดินชมสวนผลไม้ไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับต้นทุเรียนที่มีอายุกว่า 138 ปี สูงใหญ่ตระหง่านอยู่กลางสวน ถือเป็นไฮไลท์เด็ดของทริปก็ว่าได้
นอกจากสวนผลไม้ที่ห้ามพลาดแล้ว ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจใน จ.จันทบุรี เช่น โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล โบสถ์คริสต์ที่สวยที่สุดในประเทศ แต่มาจันทบุรีทั้งทีก็ต้องไปเที่ยวทะเลกันหน่อย ที่นี่ห่างออกไปไม่เกิน 25 กิโลเมตร มีจุดชมวิวที่สวยที่สุดอย่าง เนินนางพญา เป็นจุดที่ตั้งอยู่ริมทะเล ซึ่งสามารถมองเห็นวิวบนหน้าผาและถนนโค้งสวยริมทะเล
หากนักท่องเที่ยวอยากอยู่ทัวร์ทริปผลไม้หลายๆ วัน ที่ชุมชนก็มีโฮมสเตย์ของชาวบ้าน คอยเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่อยากลองใช้วิถีชีวิตแบบชาวสวน เรียนรู้ด้านการเกษตรอินทรีย์ สามารถปั่นจักรยานชมบรรยากาศรอบชุมชนที่เต็มไปด้วยสวนผลไม้ได้อีกด้วย เมื่อมีผลไม้สดๆ ให้ทานแล้ว อาหารก็เด็ดไม่แพ้กัน อย่างน้ำพริกระกำ ผัดเผ็ดทุเรียน หมูชะมวง อาหารขึ้นชื่อของเมืองจันทร์ที่ชุมชนก็มีให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรรตามอัธยาศัย ก่อนกลับก็อย่าลืมอุดหนุนของฝากจากชุมชน อย่างทุเรียนทอด ทุเรียนกวน ท๊อฟฟี่ถั่ว และอีกมากมายเพื่อเป็นรายได้ให้กับชาวบ้านในชุมชนโดยตรง
นักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์จากการท่องเที่ยวสวนและได้รับความรู้ในการทำสวน เช่น การเก็บทุเรียน การบำรุงรักษาต้นไม้ผล กิจกรรมส่วนใหญ่เป็นการเดินชมสวน โดยมีผู้นำชม เป็นเจ้าของบ้านและสมาชิกในครอบครัว หากถึงฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตจะมีการสาธิตการตัดทุเรียน การเก็บผลไม้จากต้น นอกจากนั้น ยังมีการจำหน่ายผลไม้และผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร เช่น ทุเรียนทอด ทอฟฟี่ทุเรียน ทุเรียนกวนที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อกลับหรือนั่งรับประทานที่สวน
นอกจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรชุมชนรักษ์เขาบายศรี บ้านสวนอิสรีย์เกษตรอินทรีย์และฟาร์มม้าไทย และสวนสะเด็ดยาดแล้ว ยังมีสวนที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวให้สามารถเที่ยวชมสวนผลไม้ และทานผลไม้จากสวน
สำหรับโฮมสเตย์ ยังมีสถานที่พักผ่อนที่เงียบสงบ ท่านจะได้รับความสะดวกสบายเหมือนอยู่กับบ้าน...บ้านพักเน้นความเป็นธรรมชาติ เป็นส่วนตัวทุกหลัง สะอาดและปลอดภัย พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายครบครัน สำหรับอากาศไม่ว่าฤดูกาลไหน อากาศเย็นสบาย ในยามค่ำคืนจะไม่มีเสียงรบกวนนอกจากเสียงจิ้งหรีด เรไร ตามธรรมชาติ ยามสาย พักผ่อนสบายๆ กับหนังสือเล่มโปรด หรือสนุกกับกิจกรรมท่องเที่ยวที่ท่านออกแบบเองตามใจ ทั้งขี่จักรยาน เดินชมสวนผลไม้ เก็บผลไม้ทานจากต้น ทั้งระกำ เงาะ มังคุด ทุเรียน
ในช่วงฤดูผลไม้ ชมวิถีอาชีพของชาวสวนผลไม้ การตัดดอกระกำตัวผู้ หรือชมอุโมงค์น้ำใต้ดิน ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวบ้านเขาบายศรี ยามค่ำ ดินเนอร์ใต้แสงดาวนับร้อยนับพัน ช่วยให้คุณนอนหลับฝันดีที่ ชุมชนบ้านเขาบายศรี