สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ทุกรายเป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ เข้ากักตัวในสถานกักตัวที่รัฐกำหนด 2 ราย และพบผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังควบคุมโรคที่ด่านคัดกรองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1 ราย มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 15 ราย ทำให้ผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,685 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.79 มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 102 ราย หรือร้อยละ 2.65 ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 60 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,847 ราย
โดยรายละเอียดผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ ได้แก่
รายที่ 1 เดินทางมาจากประเทศตุรกี เป็นเพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 40 ปี อาชีพ แม่บ้าน เดินทางถึงประเทศไทย วันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine) ในกรุงเทพมหานครตรวจหาเชื้อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 (วันที่ 5 ของการกักตัว) ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน
รายที่ 2 เดินทางมาจากประเทศอังกฤษ เป็นเพศหญิง สัญชาติอังกฤษ อายุ 62 ปี เดินทางถึงประเทศไทย วันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 ตรวจพบเชื้อจากการคัดกรองที่ด่านฯสุวรรณภูมิ มีอาการไข้ ไอ และมีน้ำมูก เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน
รายที่ 3 เดินทางมาจากประเทศอังกฤษ เป็นเพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 58 ปี เดินทางถึงประเทศไทย วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine) ในกรุงเทพมหานคร ตรวจหาเชื้อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 (วันแรกของการกักตัว) ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับรักษาในโรงพยาบาลเอกชน
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงเนื่องจากมีรายงานในต่างประเทศพบการติดเชื้อผ่านการสัมผัสสิ่งของ พัสดุ ที่จัดส่งผ่านระบบขนส่ง จึงขอเตือนประชาชนหากมีการสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบขนส่งเมื่อรับแล้วให้รีบล้างมือ หรือหากเป็นไปได้ให้ทำความสะอาดสิ่งของที่รับมาด้วยแอลกอฮอล์ และสวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อออกไปรับของจากพนักงานส่งสินค้า
และในช่วงนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว อาจทำให้ป่วยเป็นไข้หวัดได้ง่าย ซึ่งไข้หวัดและโรคโควิด 19 จะมีอาการใกล้เคียงกันมาก ขอให้ทุกคนเฝ้าระวังสังเกตอาการป่วยของตนเองและคนรอบข้างอยู่เสมอ โดยเฉพาะหากป่วยด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีอาการระบบทางเดินหายใจ ลิ้นไม่รับรส หรือจมูกได้กลิ่นลดลง ภายหลังจากเดินทางไปในที่ชุมชน สถานที่แออัด ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาและรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที