นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้กำหนดแนวทางการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2563 โดยพิจารณาจากแผนบริหารจัดการเงินกองทุนและประเมินผล strees test ของสถาบันการเงิน ในช่วงปี 2563-2565 พบว่า สถาบันการเงินยังคงมีเงินกองทุนและเงินสำรองเพียงพอรองรับสถานการณ์เลวร้ายจากการระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ สถาบันการเงินยังได้เพิ่มความระมัดระวังด้วยการทยอยตั้งสำรองและสะสมเงินกองทุนเพิ่มเติมมาโดยตลอด ทำให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีอัตราการกันเงินสำรองถึง 1.5 เท่าของสินเชื่อด้อยคุณภาพ และมีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) อยู่ที่ 19.8% ณ ไตรมาส 3/2563 เพิ่มขึ้นจาก 19.2% ในไตรมาส 2/2563 ขณะที่อัตราเงินสำรองที่มีอยู่ ต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ 149.7% จากไตรมาส 1/2563 ที่ 143% อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจจะไหลออกในภาวะวิกฤต (LCR) 184.9% จากเป้าหมาย 100% และ อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (L/D ratio) 93%
อย่างไรก็ดี ในระยะข้างหน้าสถานการณ์ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ธปท. จึงเห็นควรมีมาตรการเชิงป้องกัน โดยให้สถาบันการเงินสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานของปี 2563 ได้ ไม่เกินอัตราการจ่ายในปี 2562 และต้องไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิของปี 2563 สอดคล้องกับแนวทางของผู้กำกับดูแลสถาบันการเงินต่างประเทศหลายแห่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ผู้ฝากเงิน และลูกหนี้ของสถาบันการเงินในระยะยาว
"นโยบายดังกล่าวจะช่วยให้ระบบสถาบันการเงินของไทยเข้มแข็ง รักษาระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง มีกันชนรองรับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง” นายรณดล กล่าว
อย่างไรก็ดี ในส่วนการจ่ายปันผลในปี 2564-2565 สถาบันการเงินจะต้องให้ ธปท. พิจารณาและวางหลักเกณฑ์ อีกครั้ง