ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ธรรมาภิบาล ย้อนกลับ
คดีที่ 2! ศาลทุจริตฯ สั่งจำคุก 3 ปี 9 ด. อดีตนายกอบต.บางรักพัฒนา จ้างปิดกั้นคลองเท็จ
16 พ.ย. 2563

เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นางบัวทิพย์หรือ ดร.บัวทิพย์ สุขจั่น เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี กับพวก 2 ราย คือ นายอภัย สุขเพ็ชร์ และนายอิสรานันต์ จงสุขสันต์  จัดทำหลักฐานการจัดจ้างปิดกั้นคลองบางไผ่ หมู่ที่ 6 เป็นเท็จ 

ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,  157 และ 162 (1) และ  (4) ประกอบมาตรา 83 มาตรา 86  ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมา

โดยความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาว่า นางบัวทิพย์หรือ ดร.บัวทิพย์ สุขจั่น จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 151, 157 และ 162 (1) (4) คงจำคุก มีกำหนด 3 ปี 9 เดือน 

นายอภัย สุขเพ็ชร์ จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 มาตรา  157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 คงจำคุกมีกำหนด 1 ปี 4 เดือน และปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี 

นายอิสรานันต์ จงสุขสันต์  จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 คงจำคุกมีกำหนด 2 ปี 6 เดือน 

อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้

เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2563 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1

สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 162 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการดังต่อไปนี้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่

(1) รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ

(2) รับรองเป็นหลักฐานว่า ได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง

(3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น หรือ

(4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ

ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...