ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ความสัมพันธ์ไทย - จีน และ เศรษฐกิจเพื่อนบ้าน ย้อนกลับ
ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 อนาคต RCEP“ฉลุย” จีนสนับสนุนเต็มที่
18 พ.ย. 2563

ปิดฉากลงแล้วสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 (The 37th ASEAN Summit) และการประชุมสุดยอดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ระว่างวันที่ 11 – 15 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนผ่านระบบทางไกลเป็นครั้งแรกเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 

การประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมระดับผู้นำอาเซียนครั้งสุดท้ายของปี 2563 ภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนจาก 10 ประเทศ และเลขาธิการอาเซียนเข้าร่วม ตลอดจนผู้นำของคู่เจรจาที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอด ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อินเดีย และรัสเซีย รวมทั้งเลขาธิการสหประชาชาติ กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และประธานธนาคารโลก

การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 นี้บรรลุเป้าหมายด้วยดี จากผลสำเร็จของการลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership)  ระหว่างอาเซียน 10 ประเทศ กับพันธมิตร 5 ประเทศ(จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์)หลังจากที่ได้มีการผลักดันเขตการค้าเสรี RCEPร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2011 จนสามารถลงนามข้อตกลงในครั้งนี้รวมถึงความสำเร็จจากผลการประชุมสุดยอด ASEAN+3 ครั้งที่ 23 (อาเซียน, สาธารณรัฐเกาหลี, ญี่ปุ่น, จีน)

ผลจากการลงนามข้อตกลงRCEP ทำให้RCEP กลายเป็นเขตการค้าเสรีใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจากข้อมูลในปี 2562 ข้อตกลงRCEPจะครอบคลุมตลาดที่มีประชากรรวมกัน ประมาณ 2,200 ล้านคน หรือเกือบร้อยละ 30 ของประชากรโลก มีจีดีพีรวมกันกว่า 817 ล้านล้านบาท และมีมูลค่าการค้ารวมกันประมาณ326 ล้านล้านบาท โดยสมาชิก RCEPที่ร่วมลงนามกันในครั้งนี้ได้เปิดโอกาศให้ประเทศอินเดียซึ่งเมื่อปีที่แล้วได้ประกาศถอนตัวเนื่องจากกลัวว่าจะได้รับผลกระทบจากเปิดเสรีด้านภาคการเกษตรและบริการ ให้สามารถกลับเข้ามาร่วมในข้อตกลงRCEPครั้งนี้ได้อีกด้วยในฐานะที่อินเดียเป็นสมาชิกดั่งเดิมที่เข้าร่วมRCEP มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555

นาย เหงียน ฟู้ จ่อง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประธานอาเซียนกล่าวว่าอาเซียนยังคงเดินหน้าต่อไป ท่ามกลางความท้าทายของโลก โดยเฉพาะสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและหลายเรื่อง โดยเน้นความในการส่งเสริมสันติภาพ ความสงบ ความร่วมมือและการพัฒนา ประชาชนต้องได้รับการดูแลให้ก้าวผ่านความท้าทายและอุปสรรค ซึ่งที่ผ่านมาทุกประเทศได้ดูแลประชากร เอาชนะปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีปัญหาซับซ้อน ทั้งโรคระบาด ภัยธรรมชาติและความขัดแย้งต่างๆ ทุกประเทศจึงต้องจับมือกันเดินไปข้างหน้า ภายใต้ข้อตกลงและกฏหมายต่างๆที่เอื้อต่อตวามร่วมมือระหว่างกันต่อไป

“พวกเราได้เห็นพ้องกับเนื้อหาสำคัญๆ ซึ่งสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์อาเซียนกับหุ้นส่วนต่างๆ ยืนยันถึงคำมั่นที่เข้มแข็งของความร่วมมือพหุภาคี การเชื่อมโยง เสรีภาพทางเศรษฐกิจและการแลกเปลี่ยนปัญหาต่างๆทั้งในระดับภูมิภาคและโลกที่กำลังเกิดขึ้น พวกเราได้เห็นพ้องเกี่ยวกับบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียนว่า ต้องธำรงและส่งเสริมการสนทนา ร่วมมือและป้องกันการปะทะ สร้างความไว้วางใจ โครงสร้างในภูมิภาคที่เปิดกว้าง โปร่งใส รอบด้านและอ้างอิงกฎหมาย"นาย เหงียน ฟู้ จ่องประธานอาเซียนกล่าว

ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประเทศไทย กล่าวย้ำถึงความคืบหน้าของความร่วมมือและการสนับสนุนของประเทศบวกสามต่อกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโควิด-19ซึ่งประเทศไทยหวังให้มีการใช้ประโยชน์จากกองทุนอาเซียนอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการจัดหาและจัดสรรอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็น รวมทั้งการพัฒนาวัคซีนและยาที่ทุกประเทศสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ประเทศไทยยินดีต่อข้อเสนอของจีนในการจัดตั้งคลังสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์อาเซียนบวกสามสำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข รวมถึงได้เสนอให้ใช้ประโยชน์จากศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนร่วมกับกลไกเหล่านี้ด้วย
                “อาเซียนของเราควรเสริมสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้โดยเร็ว และมีรากฐานที่แข็งแกร่ง โดยการบูรณาการทางเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง จึงขอเชิญชวนประเทศบวกสามให้ร่วมสนับสนุนกรอบการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียนที่เพิ่งประกาศไปในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนด้วย นอกจากนี้ให้มีการทบทวนและพัฒนากลไกความร่วมมือที่มีอยู่แล้วให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมเสริมความเชื่อมโยงธุรกรรมดิจิทัลแบบครบวงจรและมีการพัฒนาทักษะที่จำเป็น ให้แก่ SMEs และ Start-ups เพื่อให้สามารถฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 รวมถึงควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน”
                นายกรัฐมนตรีของไทยยังได้เน้นย้ำเจตนารมณ์ในการส่งเสริมสันติภาพ โดยอาเซียนต้องร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียวเกิดความร่วมมือกันอย่างสร้างสรรยั่งยืน โดยไว้เนื้อเชื่อใจต่อกัน พร้อมสนับสนุนกระบวนการแก้ปัญหาต่างๆ อย่างสันติ เพื่อมิให้มหาอำนาจเกิดการเผชิญหน้าในภูมิภาคแห่งนี้โดยส่งเสริมพหุพาคีนิยม และภูมิภาคนิยม

ทางด้าน นายหลี่ เค่อเฉียงนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวถึงการประชุมสุดยอดอาเซียน+3 ครั้งที่ 23 ว่า จีนพร้อมให้ความร่วมมือกับอาเซียน ในเรื่องวัคซีนโควิด-19เพื่อเข้าสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจในอาเซียน และยกระดับความร่วมมือด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิดใช้เครือข่ายประสานงานรับมือภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขจีน-อาเซียน ในเร็ววัน พร้อมทั้งจัดประชุมความร่วมมือด้านสุขอนามัยจีน-อาเซียน ครั้งที่ 3ให้ลุล่วงด้วยดีและประเทศจีนยินดีลงนามข้อตกลงว่าด้วยความสัมพันธ์หุ้นส่วนรอบด้านในภูมิภาคพัฒนาความร่วมมือเศรษฐกิจและเขตการค้าเสรี RCEP

อีกทั้งพร้อมที่จะปฏิบัติตาม “ข้อตกลงว่าด้วยการค้าเสรีจีน-อาเซียน” และ “พิธีสาร” ยกระดับเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนเพื่อยกระดับความเสรีและความสะดวกทางการค้าและการลงทุน อีกทั้งร่วมกันสร้างเครือข่าย “ช่องทางด่วน” ในภูมิภาค โดยถือเป็นปีแห่งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจีน-อาเซียน และดำเนินความร่วมมือด้านนวัตกรรมต่าง ๆ รวมถึงระบบนิเวศและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การป้องกันและลดภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบรรเทาความยากจน ฯลฯ

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้ประกาศ “แผนปฏิบัติการเกี่ยวกับแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างจีน-อาเซียนเพื่อบรรลุสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง (ปี 2021 - 2025)” และ ”ข้อริเริ่มเกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลจีน-อาเซียน” พร้อมทั้งประกาศว่า ปี 2021 จะเป็นปีแห่งความร่วมมือด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนจีน-อาเซียนด้วย

(รายงานโดย นายชาญวิทยา ชัยกูล บก.บริหาร อปท.นิวส์)

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...