“เฉลิมชัย” ดันราคายางต่อเนื่อง ลุย 6 มาตรการเจาะตลาดจีนทุกมณฑล เปิดตลาดใหม่ พร้อมเตรียมจัดงานเอ็กซ์โปยางโลกปลายปีนี้
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางพาราและรักษาเสถียรภาพราคายาง เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ว่า สถานการณ์ความต้องการยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ยางมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ราคาในประเทศและในต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เป็นปัจจัยกลไกตลาดและมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะการขับเคลื่อนโมเดล “เกษตรพาณิชย์ทันสมัย” และล่าสุดคือ 6 มาตรการปฏิรูปยางพาราตอบโจทย์ยุคนิวนอร์มอล เพื่อเพิ่มราคาและสร้างเสถียรภาพราคา รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เน้นลงทุนแปรรูปส่งเสริมวิจัยสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ใช้กลยุทธ์ใหม่การขายการตลาดเชิงรุกเจาะจีนทุกมณฑลและเปิดตลาดใหม่ๆ ในประเทศต่างๆ ตามนโยบาย 1.มาตรการตลาดและราคา(Market & Price) 2.มาตรการการบริหารด้านอุปทาน (Supply Side Management) 3.มาตรการการบริหารด้านอุปสงค์ (Demand Side Management) 4.มาตรการส่งเสริมการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม 5.มาตรการลดสต็อกยางพารา และ 6.มาตรการเพิ่มรายได้
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ขยายตลาดส่งออก โดยเจรจาธุรกิจทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์เพื่อซื้อขายยางพารา และช่วงวันที่ 30 กันยายน 2563 และ 1 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา และในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2563 กระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดงาน “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด Thailand Rubber Expo” เพื่อกระตุ้นการซื้อขายยาง รวมทั้งผลิตภัณฑ์ และสินค้านวัตกรรม ที่สามารถนำไปมอบเป็นของขวัญ เนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2564
สำหรับรายละเอียดของ 6 มาตรการในการประชุมคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางพาราและรักษาเสถียรภาพราคายาง ครั้งที่ 3/2563 ประกอบด้วย 1. มาตรการตลาดและราคา (Market & Price) โดยให้เร่งศึกษาหาข้อสรุปการจัดตั้งตลาดซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบจริง (Physical Forward Market) ของยางพาราที่เรียกว่า “ตลาดไทยคอม” (ThaiCom) ซึ่งเป็นตลาดลูกผสมแบบ ไฮบริด (Hybrid) ระหว่างตลาดซื้อขายจริง (Spot Market) กับตลาดซื้อขายล่วงหน้า (Future Market) โดยดำเนินการภายใต้ความร่วมมือของการยางแห่งประเทศไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (EXIM Bank) โดยให้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจที่ประกอบไปด้วยผู้เขี่ยวชาญศึกษาจัดทำรายงานเสนอภายใน 90 วัน
2. มาตรการการบริหารด้านอุปทาน (Supply Side Management) กำหนดให้ลดพื้นที่สวนยาง 2 ล้านไร่ โดยลดพื้นที่สวนยางปีละ 2 แสนไร่เป็นเวลา10 ปีเพื่อลดปริมาณการผลิตโดยขอการสนับสนุนไร่ละ 10,000 บาทจากรัฐบาลเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน นอกจากนี้ ให้เร่งขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่ให้หน่วยงานภาครัฐเพิ่มการใช้ยางพาราภายในประเทศและมอบหมายกยท.เพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพาราตามความต้องการของภาครัฐและตลาดทั้งในและต่างประเทศ
3. มาตรการการบริหารด้านอุปสงค์ (Demand Side Management) เร่งขยายตลาดในจีนโดยให้ขยายการค้ายางพาราให้ครอบคลุมในทุกมณฑลของประเทศจีน เพื่อเพิ่มช่องทางการขายยางพาราต่อยอดจากในอดีตที่การค้ายางกระจุกตัวอยู่ในบางมณฑลรวมทั้งการขยายตลาดหลักอื่นๆ และเปิดตลาดใหม่ๆ โดยให้จัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการค้ายางพารากับจีนและตลาดหลักเป็นการเร่งด่วนเพื่อกำหนดแนวทางการตลาดและการขายเชิงรุกทั้งรูปแบบการค้าออนไลน์และออฟไลน์รวมทั้งการสร้างมาตรฐานของผลผลิตและผลิตภัณฑ์ยางพาราตลอดจนการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของอุตสาหกรรมยางพาราของไทยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า นอกจากนี้ยังมีมติให้ กยท. จัดงาน “ยางพาราเอ็กซ์โปบนแพลตฟอร์มดิจิทัลเสมือนจริง (Virtual Platform) เพื่อเพิ่มช่องทางการค้าและการจับคู่ธุรกิจระหว่างประเทศ
4. มาตรการส่งเสริมการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มเร่งส่งเสริมการลงทุนโรงงานผลิตถุงมือยางรวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆตอบโจทย์ความต้องการใหม่ในยุคนิวนอร์มอล (New Normal) จากผลกระทบของโควิด 19 โดยเร่งเดินหน้าส่งเสริมการลงทุนในรับเบอร์ซิตี้ (Rubber City) และพื้นที่ใกล้แหล่งผลิตยางพาราพร้อมกับเร่งศึกษาโครงการรับเบอร์คอมเพล็กซ์(Rubber Complex) ที่นครศรีธรรมราชและให้ กยท. จัดโครงการประกวดนวัตกรรมการแปรรูปยางโดยเชื่อมโยงกับศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ยางเพิ่มมูลค่าและรายได้ให้กับชาวสวนยางและสถาบันยาง
5. มาตรการลดสต็อกยางพาราให้ กยท. เสนอแนวทางการบริหารจัดการสต็อกยางพาราที่คงค้างกว่า 1 แสนตัน โดยให้เสนอต่อคณะกรรมการในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 9 กรกฎาคมทั้งนี้ต้องระมัดระวังไม่ให้ส่งผลกระทบด้านราคา
6. มาตรการเพิ่มรายได้มอบหมายให้ กยท. ขยายการส่งเสริมเกษตรผสมผสานเพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับชาวสวนยางซี่งเดิมพึ่งพารายได้จากยางพาราเพียงด้านเดียวและส่งเสริมการปลูกพืชที่มีอนาคตด้านตลาดและไม้เศรษฐกิจเพื่อทดแทนสวนยางพาราที่ถึงกำหนดต้องตัดทิ้งตามนโยบายลดพื้นที่สวนยางพารา