นางขนิษฐา อะคะยี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวอิสลาม ย่านตำบลท่าเรือ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เล่าว่า เพิ่งสมัครเข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง" เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (17 พ.ย. 63) และเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการในวันรุ่งขึ้น โดยสาเหตุที่ตัดสินใจสมัคร เนื่องจากความต้องการของลูกค้าที่เรียกร้อง ประกอบกับเห็นร้านค้าใกล้เคียงมีลูกค้าเพิ่มขึ้น หลังเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ซึ่งภายหลังเข้าร่วม "คนละครึ่ง" สร้างความพึงพอใจเป็นอย่างมาก จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และพบว่าลูกค้าหลายคนไม่เพียงรับประทานที่ร้าน แต่ยังซื้อใส่ถุงกลับบ้านด้วย
นางขนิษฐา ยังบอกด้วยว่า โครงการ "คนละครึ่ง" เป็นโครงการที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้าและประชาชนได้มาก ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อย่างไรก็ดี อยากให้มีโครงการนี้ต่อไป เพื่อให้คนไทยได้จับจ่ายใช้สอย กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและทำให้ร้านค้ารายย่อยได้มีเงินทุนหมุนเวียน
ขณะที่ นางสาวเกวลิน ตาดทอง อายุ 18 ปี เฟรชชี่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา เล่าว่า สมัครเข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง" ตั้งแต่เฟสแรก ส่วนใหญ่จะใช้ซื้อของกินของใช้ เช่น อาหารตามสั่ง เสื้อผ้า เครื่องสำอาง โดยมองว่าการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" สะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอย เพราะไม่ต้องพกเงินสด อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ได้ในช่วงปลายปี