สทนช. ร่วมสัมมนาผู้มีส่วนได้เสียระดับภูมิภาค MRC ครั้งที่ 10 ร่วมกับประเทศสมาชิก สปป.ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ประเดิมเวทีแรกถ่ายทอดข้อมูลโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม ตามกระบวนการ PNPCA เปิดโอกาสให้ผู้แทนประชาชน 8 จังหวัดริมน้ำโขงเสนอข้อคิดเห็นและข้อกังวลต่อผลกระทบ ต่อ สปป.ลาว เพื่อพิจารณาก่อนพัฒนาโครงการ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย (TNMC) เข้าร่วมการสัมมนาผู้มีส่วนได้เสียระดับภูมิภาคของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 10 หรือ the 10th MRC Regional Stakeholder Forum ร่วมกับประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ประกอบด้วย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) ที่เมืองปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล ณ โรงแรมรามา การ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 40 คน อาทิ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ฯลฯ ผู้แทนภาคประชาชน 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง ได้แก่ จังหวัดเลย เชียงราย อุบลราชธานี มุกดาหาร นครพนม อำนาจเจริญ หนองคาย บึงกาฬ ที่ปรึกษาระดับประเทศ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยในภาควิชาที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า เวทีในการสัมมนาครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานตามระเบียบปฏิบัติ เรื่อง การแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้าและข้อตกลง (PNPCA) เพื่อให้ข้อมูลระดับภูมิภาคครั้งแรกของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม สปป.ลาว แก่ผู้มีส่วนได้เสีย โดยเฉพาะประชาชน 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ ในการสัมมนาได้มีการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาพรวมและประโยชน์ของ PNPCA ภายใต้ความตกลงว่าด้วยตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2538 (1995 Mekong Agreement) รวมถึงรายงานการดำเนินการปรึกษาหารือล่วงหน้าที่ผ่านมาและความก้าวหน้าของการดำเนินการแผนปฏิบัติการร่วม (Joint Action Plan) ของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำอื่น ๆ ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ได้นำเสนอวัตถุประสงค์และแผนงาน (Roadmap) สำหรับการปรึกษาหารือล่วงหน้าโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม ภาพรวม ความเป็นมา และข้อมูลของโครงการ ไปจนถึงร่างรายงานทบทวนทางด้านเทคนิคของโครงการ (Technical Review Report: TRR) อีกทั้งยังมีการนำเสนอมุมมองเบื้องต้นที่สำคัญของโครงการ ครอบคลุมในมิติต่าง ๆ ได้แก่ 1. ด้านอุทกวิทยา ตะกอน 2. ด้านคุณภาพน้ำ สิ่งแวดล้อม การประมงเศรษฐศาสตร์สังคม และ 3. ความปลอดภัยของเขื่อนและการเดินเรือ
“ในการสัมมนาวันนี้ ผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนจะได้ร่วมแบ่งปันมุมมอง รวมทั้งอภิปรายซักถามในประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับโครงการ และที่สำคัญอย่างยิ่งคือเป็นการเปิดโอกาสให้มีการเสนอข้อคิดเห็นและข้อห่วงกังวลต่อผลกระทบข้ามพรมแดนซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการในแง่มุมต่าง ๆ ไปจนถึงให้ข้อเสนอแนะมาตรการในการลดผลกระทบ ให้ สปป.ลาว ได้รับทราบ เพื่อนำไปพิจารณาต่อไป” ดร.สมเกียรติ กล่าว
สำหรับโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม ซึ่งได้เข้าสู่กระบวนการ PNPCA เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นโครงการที่รัฐบาลไทยมีความห่วงกังวลอย่างยิ่งถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากที่ตั้งของเขื่อนมีระยะห่างจากชายแดนของประเทศไทยประมาณเพียง 2 กิโลเมตร เท่านั้น และที่สำคัญอย่างยิ่งคือในปัจจุบัน เขตพรมแดนระหว่างประเทศไทยและสปป.ลาว ยังคงอาศัยร่องน้ำลึกของแม่น้ำโขง จึงมีข้อห่วงกังวลว่าการออกแบบโครงการอาจส่งผลให้กระแสน้ำกัดเซาะร่องน้ำลึก และส่งผลต่อลักษณะทางกายภาพของร่องน้ำ ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาแทรกซ้อน อันจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระยะยาว จึงได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวิเคราะห์ข้อมูลและให้ความสำคัญเชิงลึกกับทุกประเด็นทางเทคนิค และ สทนช. ซึ่งเป็นหน่วยประสานงานภายใต้กรอบความร่วมมือ MRC จะมีการติดตามการดำเนินงานในทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการให้ได้มากที่สุด และเกิดมาตรการรองรับที่ชัดเจนอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะมาตรการซึ่งรับประกันได้ว่าโครงการจะไม่ส่งผลกระทบต่อร่องน้ำลึก ทั้งนี้ ฝ่ายไทยซึ่งตระหนักถึงผลกระทบดังกล่าว จะเสนอเป็นท่าทีผ่านการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 26 พ.ย. นี้ด้วย