นายสำพรต จันทร์หอม เกษตรจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง เกิดจากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ และเศษไม้ใบหญ้าด้านการเกษตรในที่โล่งแจ้ง ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาหมอกควัน ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ตลอดจนทำให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดินลดน้อยลง หน้าดินมีความแข็งกระด้าง โดยสาเหตุเหล่านี้ส่งผลให้ผลผลิตลดลง เกษตรกรต้องหันไปใช้การเพิ่มผลผลิตโดยอาศัยปุ๋ยเคมีที่มีต้นทุนสูง และขาดความยั่งยืน
การรณรงค์ให้เกษตรกรผลิตปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง และการไถกลบตอซังข้าว จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยปรับปรุงบำรุงดินให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ดินมีโครงสร้างที่ดี เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืช และเป็นการสร้างความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน ตลอดจนเป็นการสนองนโยบายของ รัฐบาล และยุทธศาสตร์ของจังหวัดอำนาจเจริญ ที่มุ่งเน้นในการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดี และข้าวหอมมะลิอินทรีย์อีกด้วย
ทั้งนี้ จังหวัดอำนาจเจริญ จึงขอความร่วมมือเกษตรกรชาวอำนาจเจริญ ประชาชนทั่วไป ได้ตระหนักถึง มาตรการ 3 ต้อง 2 ห้าม ประกอบด้วย ต้องที่ 1 คือ ต้อง ลด ละ เลิก การใช้สารเคมี ต้องที่ 2 คือ ต้องร่วมมือกันใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยพืชสดและไถกลบตอซังข้าว ต้องที่ 3 คือ ต้องอนุรักษ์ ดิน น้ำ ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน 2 ห้าม คือ ห้ามที่ 1 ห้ามเผาตองซังข้าวโดยเด็ดขาด ห้ามที่ 2 ห้ามตัดไม้ทำลายป่าและต้นน้ำลำธาร และข้อดีของการไถกลบตอซังข้าว คือ ในพื้นที่ 1 ไร่ จะสามารถเพิ่มธาตุอาหารพืชเพิ่มในดิน เช่น ไนโตรเจน 7 กิโลกรัม ฟอสฟอรัส 1 กิโลกรัม โพแทสเซียม 16 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าประมาณ 531 บาทต่อ 1 ไร่ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุซึ่งเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้แก่ดินประมาณ 500-800 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ และยังเป็นการลดต้นทุนการผลิตอีกทางหนึ่งด้วย