นิพนธ์ ลุยซับน้ำตาชาวนครศรีฯ หลังน้ำท่วมทั้ง 23 อ. เผยตัวเลข ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนแล้ว กว่า 5 แสนคน
วันที่ 3 ธ.ค. 63 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมโดยได้เดินทางไปเยี่ยมเพื่อนำความห่วงใย การช่วยเหลือของท่านนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี มามอบให้พี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยพร้อมมอบถุงยังชีพแก่พี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยจำนวน 2 จุด คือที่ศูนย์อพยพวัดโทเอก อำเภอพรหมคีรี และ ศูนย์อพยพโรงเรียนวัดเสมาเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
นายนิพนธ์ กล่าวว่า "จากสถานการณ์ฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมาจ.นครศรีธรรมราช ล่าสุดมีพื้นที่ประสบภัย 23 อำเภอ โดยอำเภอที่หนักสุด 7 อำเภอมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนรุนแรงกว่า 30,000 ครัวเรือน ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 50 ปี ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าประจำยังจุดเสี่ยงและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมสั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยบูรณาการจังหวัดเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด กำชับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สนับสนุนอุปกรณ์ เครื่องจักรกลช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยโดยด่วน โดยให้ดูแลความปลอดภัยและชีวิตของประชาชนเป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ต้องกังวล เพราะทางรัฐบาลและกระทรวงการคลังมีระเบียบเตรียมพร้อมไว้แล้วว่าจะเยียวยาและฟื้นฟูประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างไร ซึ่งจะดูแลรวมไปถึงทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย ที่สำคัญคือการดูแลที่อยู่และอาหารการกินให้แก่ประชาชนที่อพยพหนีน้ำท่วมด้วย ส่วนในเรื่องอื่นนั้นขออย่ากังวลเพราะรัฐบาลมีมาตรการเยียวยาดูแลอยู่แล้ว มาตรการของกระทรวงการคลัง การเยียวหลังเกิดน้ำท่วม ขอย้ำว่ารัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างเต็มที่และจะดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด"
นายนิพนธ์ ยังกล่าวด้วยว่า"สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุดน้ำท่วมทั่วทั้ง 23 อำเภอของจังหวัด โดยอำเภอที่หนักสุดได้แก่ อ.เมือง อ.พระพรหม อ.เชียรใหญ่ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ลานสกา อ.นบพิตำ อ.ท่าศาลา อ.ทุ่งสง โดยมีผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้แล้ว 8 ราย ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 184,750 ครัวเรือน หรือประมาณ 5 แสนคน บ้านเรือนพังเสียหายหลายหลังคาเรือน ซึ่งขณะนี้ได้สั่งให้เร่งออกช่วยเหลือ อพยพประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนไปยังจุดที่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วนแล้ว พร้อมทั้งให้ประสานองค์กรปกครองท้องถิ่นให้ดูแลอาหาร ความเป็นอยู่ สุขอนามัย และดูแลป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคที่มากับน้ำท่วมแล้ว อีกด้วย"