8 ธ.ค. 63 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในการประชุมครั้งที่ 30/2563 โดยอนุมัติให้กระทรวงการคลังดำเนินโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 กรอบวงเงิน 22,500 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
(1) ผู้ได้รับสิทธิ์เดิม ไม่เกิน 10 ล้านคน จะได้รับสิทธิ์วงเงินสนับสนุนจากรัฐเพิ่มเติมคนละ 500 บาท ในวันที่ 1 ม.ค. 2564 ซึ่งเมื่อรวมกับวงเงินตามสิทธิ์ที่มีอยู่เดิม 3,000 บาท เท่ากับจะมีวงเงินรวม 3,500 บาท สามารถใช้จ่ายได้ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2564 และ (2) ผู้ลงทะเบียนใหม่ ไม่เกิน 5 ล้านคน จะได้รับสิทธิ์วงเงินสนับสนุนจากรัฐคนละ 3,500 บาท สำหรับใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 31 มี.ค. 2564
โดยอธิบายว่า จะมีการเพิ่มปุ่มในแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ให้ผู้ที่มีสิทธิ์ในโครงการคนละครึ่งกลุ่มเดิมกดยืนยันการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 และสำหรับกลุ่มผู้ลงทะเบียนใหม่ 5 ล้านคน กระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนด้วยวิธีการเดิมผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง .com ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. 2563 เป็นต้นไป ในระหว่างเวลา 06.00 น. - 23.00 น. ซึ่งผู้ลงทะเบียนต้องมีสัญชาติไทย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีบัตรประจำตัวประชาชน และไม่ใช่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ทั้งนี้ ในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่เคยถูกตัดสิทธิจากการไม่ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งระยะแรก สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ได้ใหม่ โดยผู้ใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่งระยะแรกและระยะที่ 2 จะไม่สามารถใช้สิทธิ์มาตรการช้อปดีมีคืนได้ ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่จำแนกกลุ่มเป้าหมายของโครงการและมาตรการต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจนไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2563 เวลา 12.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 9.4 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 9,537,093 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 39,318 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 20,091 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 19,227 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 176 บาทต่อครั้ง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา ชลบุรีนครศรีธรรมราช และเชียงใหม่ ตามลำดับ สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายังคงสมัครเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าโครงการคนละครึ่งในเฟสที่ 2 จะทำให้มีเงินหมุนเวียนกว่า 45,000 ล้านบาท และเมื่อรวมทั้ง 2 เฟสเข้าด้วยกันจะมีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 105,000 ล้านบาท ส่งผลต่อการขยายตัวของจีดีพีราว 0.32%