ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีกรณีข่าวกระแสโซเชียลกล่าวหาว่ามีการทุจริตเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 ซึ่งทางรัฐบาลได้จัดสรรเพื่อตอบแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ร่วมปฏิบัติงานด้านการสกัดกั้นการแพร่ระบาดในช่วงวิกฤติ ตั้งแต่ 27 มี.ค - 30 มิ.ย.2563 จำนวนกว่า 2,521 ล้านบาท โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช.ตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงจากจเรตำรวจควบคู่กับการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทุกบช. ซึ่งล่าสุดเมื่อ 30 พ.ย. พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้ประชุมเร่งรัดทุก บช.ให้เร่งดำเนินการโดยเด็ดขาด โดยให้หลักการไว้ 3 ข้อ คือ คืนความเป็นธรรม เยียวยาถูกต้องตามระเบียบ และทุกคนรวมถึงสังคมพอใจ และให้เวลาทุก บช.ไปเร่งจัดการเข้าสู่กระบวนการทางวินัยภายใน 10 วัน
ล่าสุดพล.ต.อ.วิสนุ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้เป็นประธานประชุมผ่านระบบวิดีโอทางไกลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามผลการดำเนินการทางวินัย ซึ่งผลการดำเนินการพบว่า ทุก บช.มีข้าราชการตำรวจ ที่เข้าสู่กระบวนการทางวินัย ประมาณ 166 นาย จาก 17 จังหวัด และนครบาล ทั้งระดับ บก.ภ.จว. และระดับสถานีตำรวจ โดยมีตั้งแต่ระดับ ผบก. ลงมาถึง ผบ.หมู่ ซึ่งมีการดำเนินการตามแต่มูลเจตนาของผู้กระทำผิด ตั้งแต่เบาไปถึงหนัก ทั้งการว่ากล่าวตักเตือน การภาคฑัณฑ์ การกักยาม การกักขัง 3-15 วัน และหนักสุดคือการเสนอพิจารณาวินัยร้ายแรง ซึ่งอาจจะเข้าสู่การดำเนินคดีทางอาญาต่อไป
สำหรับ บช.ที่ลงฑัณฑ์ขั้นเบา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ ทุก บช. รายงานผลมาให้กองวินัย ตรวจสอบความเหมาะสมกับมูลความผิดอีกครั้ง หากผลการลงฑัณฑ์ไม่เหมาะสม จะสั่งเพิ่มโทษต่อไป นอกจากนั้นได้สั่งการให้ รอง ผบช.ภ.1 ไปตรวจสอบ บก.ภ.จว.อยุธยา และให้ รอง ผบช.ภ.2 ไปตรวจสอบ สภ.ใน จว.ระยอง ทุกแห่ง โดยละเอียด เพิ่มเติม แล้วรายงานผลโดยเร็ว
พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้ย้ำให้ ทุก บช. ระมัดระวังการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกประเภท โดยเฉพาะเบี้ยเลี้ยง คฝ. หากพบการกระทำผิดต้องถูกลงโทษ และมีผลต่อการแต่งตั้งโยกย้าย โดยให้ทุก บช.ไปตรวจสอบบัญชีเสนอแต่งตั้งให้เรียบร้อย โดยขั้นต่อไปจะต้องได้ข้อยุติภายในสิ้นปีว่าเข้าสู่การพิจารณาโทษวินัยร้ายแรง หรือไม่ร้ายแรง อย่างไร หากสิ้นปียังไม่เสร็จสิ้นจะพิจารณาข้อบกพร่อง คณะกรรมการฯด้วย นอกจากนั้นยังสั่งการให้สำนักงานตรวจสอบภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตส.) ลงพื้นที่ตรวจสอบคู่ขนานไปด้วย.