พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอทั่วประเทศ และหน่วยงานในสังกัด ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (VCS)
ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า ตามที่ในปัจจุบันได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในหลายจังหวัด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ผอ.รมน.จังหวัด) ต้องบูรณาการและกำชับหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งตามแนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน ดำเนินมาตรการสกัดกั้นไม่ให้มีบุคคลที่เดินทางเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประธานชุมชน ประสานความร่วมมือจากประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชนช่วยกันสอดส่องดูแลบุคคลที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่
และสำหรับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะกลุ่มที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองและไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน ซึ่งคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ได้มีมีมติเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ทั้งที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งที่มีนายจ้าง หรือยังไม่สามารถหานายจ้างได้ ให้มาดำเนินการตามแนวทางฯ เพื่อให้สามารถอยู่และทำงานได้อย่างถูกต้อง และทำให้ภาครัฐมีข้อมูลของคนต่างด้าวกลุ่มนี้ รวมถึงเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานด้วย
โดยต้องมาแจ้งรายชื่อและข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 15 มกราคม – 13 กุมภาพันธ์ 2564 และสามารถอยู่ทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 จึงให้ทุกจังหวัดทำความเข้าใจผู้ประกอบการ พร้อมทั้งกำกับดูแลและประสานการปฏิบัติของหน่วยงานและผู้ที่รับผิดชอบในพื้นที่ ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาที่กำหนดไว้ และไม่ให้มีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาในประเทศอีก
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในเรื่องการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่แพร่ระบาดของโรคโควิ-19 ผู้ว่าฯ ต้องใช้อำนาจและสั่งการกลไกฝ่ายปกครองพร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนในพื้นที่เข้มงวดกวดขันอย่างเข้มข้น รวมไปถึงการพิจารณาปิดสถานที่ งดกิจกรรม หรือการดำเนินการอื่น ๆ ต้องหารือร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนดมาตรการในแต่ละพื้นที่ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กำหนด
ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อวิถีชีวิตประชาชนและสภาพเศรษฐกิจในพื้นที่ และในการดำเนินการกรณีพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ให้ดำเนินการติดตามสอบสวนโรคและค้นหาบุคคลที่ใกล้ชิดเกี่ยวข้องตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงแต่ไม่พบเชื้อให้กักกันตนเอง (Quarantine) ตัวเอง และหากจังหวัดใดมีการพิจารณาเตรียมการเรื่องการสร้างโรงพยาบาลสนาม เพื่อแยกผู้ติดเชื้อ ต้องรณรงค์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้รับรู้และเข้าใจ
“ส่วนจังหวัดที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ให้พิจารณากำหนดมาตรการเข้มข้นตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาดของโรคด้วย” รมว.มหาดไทย กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวว่า ขอให้ทุกจังหวัด อำเภอ รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้ดี ให้เกิดความตระหนักและเน้นย้ำมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเต็มขีดความสามารถ ทั้งการเว้นระยะระหว่างกัน สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเมื่อพบปะผู้อื่น แ ล้างมื อบ่อย ๆ ด้วยน้ำสบู่หรือเจลล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและสังเกตอาการ และใช้แอปพลิเคชั่นไทยชนะ และในช่วงนี้ขอให้ทำงานร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19 ให้ได้
“เพื่อสวัสดิภาพของพี่น้องประชาชนขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้าน อยู่กับครอบครัว หลีกเลี่ยงการเดินทาง ใช้ชีวิตให้ปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ และไม่ติดเชื้อโควิด-19” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว