จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สร้างความกังวลทั่วโลกส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจอย่างมาก แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2564 หลายฝ่ายหวังเป็นอย่างยิ่งให้สามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว โดยภาครัฐ เอกชน และสถาบันการเงินร่วมมือกันปฏิบัติการเชิงรุกตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้ประเทศไทยกลับมามีเศรษฐกิจที่มีศักยภาพแข็งแกร่ง ประชาชนทำมาค้าขายได้อย่างปกติสุข
ดร.สุทธิภัทร อัศววิชัยโรจน์ อาจารย์คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด กล่าวว่า “ปัจจุบันคนทำงานที่บ้านมากยิ่งขึ้นจากวิกฤตไวรัสโคโรน่าโควิด-19 เพราะฉะนั้นธุรกิจที่เกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องใช้และของตกแต่งบ้านก็จะมียอดขายที่ดีขึ้นและเป็นตลาดที่ค่อนข้างจะเติบโตได้ดีในปีหน้า อีกทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์บ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮมจะมียอดขายที่ขายได้ดี เพราะคนเริ่มใช้เวลาในการอยู่บ้านมากขึ้น โดยมีอัตราการเจริญเติบโตถึง 70% ด้วยเหตุผลผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกซื้อคอนโดเนื่องจากรู้สึกว่าคอนโดค่อนข้างมีพื้นที่ขนาดเล็ก หลายๆคนอยากมีพื้นที่ที่สามารถนั่งทำงานได้ มีความเงียบ และแยกเป็นสัดส่วนโดยตรง เพราะฉะนั้นการทำงานที่บ้านในปีหน้ามีเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนและเทรนด์ในทั่วโลกจะเห็นได้เลยว่าการทำงานที่บ้านในบางที่เป็นนโยบายที่ให้พนักงานเลือกทำไปตลอดจนถึงปี 2564เพราะฉะนั้นจึงส่งผลให้เทรนด์ที่พักอาศัยจะเปลี่ยนแปลงไปจากคอนโดที่อยู่ใจกลางเมืองเดินทางได้สะดวก จะเปลี่ยนมาเป็นทาวน์โฮมหรือย้านเดี่ยวที่มีพื้นที่แบ่งเป็นสัดส่วนเป็นห้อง สามารถเป็นธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างแน่นอนและเป็นเทรนด์ทั่วโลกอีกด้วย ที่สำคัญคนไทยยังคงมีกำลังซื้อในการซื้อบ้านและทาวน์โฮมอย่างแน่นอน เพราะอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันเทขายค่อนข้างเยอะ ให้ส่วนลดต่างๆมากมายและต้องการเก็บเงินสดประกอบกับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการที่จะซื้อที่พักเป็นที่อยู่อาศัย แต่ต้องชะลอตัวไปก่อนเมื่อปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ต้องบอกว่ารัฐบาลเองมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในเรื่องของธนาคารอาคารสงเคราะห์ การจัดสรรหนี้และเรื่องของการกู้ยืมเพื่ออสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัยและบ้านหลังแรกก็ยังคงมีอยู่ รัฐบาลก็พยายามส่งเสริมให้ทุกคนนั้นมีบ้านเป็นของตนเอง เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ออกแคมเปญคนสามารถผ่อนบ้านได้ถึงอายุ 70ปี ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มเม็ดเงินให้ในระบบและคนที่ยังพอมีกำลังซื้อก็ยังคงมีอยู่และมีอัตราการเจริญเติบโตอยู่ถึงแม้จะมีการเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยแต่ก็ถือว่ายังคงเพิ่มขึ้นอยู่”
“ด้านธุรกิจSMEs ควรให้ความสำคัญกับอาชีพที่สามารถทำได้ที่บ้าน เช่น ทำขนม ทำอาหาร ขายส่งออนไลน์ก็เป็นตลาดที่เติบโตได้อย่างมาก ผู้ประกอบการและSMEs ต้องเน้นในเรื่องของการสร้างฐานข้อมูลของลูกค้า เพราะข้อมูลลูกค้าส่วนใหญ่ควรเก็บรักษาไว้อย่างดี ในอนาคตหากต้องเริ่มใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเรื่องการจัดการฐานข้อมูลของลูกค้า เพื่อเป็นการสร้างฐานข้อมูลให้อยู่กับเจ้าของธุรกิจไปตลอดเวลา โดยสามารถติดตามลูกค้าได้จากการโทรถามรวมถึงการแจ้งโปรโมชั่นต่างๆที่เจ้าของกิจการจะทำขึ้น เพราะแต่ก่อนนั้นธุรกิจต่างๆไม่มีการเก็บฐานข้อมูลเลย ทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าความต้องการของกลุ่มลูกค้าคืออะไร มีการกลับมาซื้อซ้ำหรือไม่ ซึ่งการที่เจ้าของธุรกิจสร้างฐานข้อมูลของลูกค้าไว้จะทำให้สามารถเข้าใจลูกค้าของเรามากขึ้นและสามารถรักษากลุ่มลูกค้าของเราไว้ได้ด้วยเช่นกัน” อาจารย์คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด กล่าวทิ้งท้าย