ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ธรรมาภิบาล ย้อนกลับ
ทุจริตค่าเก็บขยะ เขตหลักสี่ กทม. เจอคุก 68 ปี 210 เดือน แต่โดนจริง 50 ปี
16 ม.ค. 2564

ป.ป.ช.เผยแพร่ผลคดีชี้มูลความผิด 'กอบกุล ศรีสุข' อดีตเจ้าพนง.ธุรการ ฝ่ายรักษาความสะอาด สนง.เขตหลักสี่ กทม. ปลอมใบนำส่งเงินค่าธรรมเนียมเก็บขนมูลฝอย-สิ่งปฏิกูลเบียดบังไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาคกลาง พิพากษาลงโทษทุกกรรมความผิด จำคุก 68 ปี 210 เดือน แต่โดนจริง 50 ปี พร้อมชดใช้เงิน  724,740 บาท

ทั้งนี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นางสาวกอบกุล ศรีสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการ 4 ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ สำนักงานเขตหลักสี่กรุงเทพมหานคร ปลอมเอกสารใบนำส่งเงินค่าธรรมเนียมเก็บขนมูลฝอยและค่าธรรมเนียมขนถ่ายสิ่งปฏิกูลแล้วเบียดบังเงินไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 158 , 161 , 265 และ 268  ประกอบมาตรา 90 และ 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2561

ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง  พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 ,158 , 161 และมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ลงโทษตามมาตรา 147, 157, 158 , 161 , 265 และ 268 ประกอบมาตรา 90 รวมทุกกระทงเป็นจำคุก 68 ปี 210 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุก 50 ปี ตามมาตรา 91(2) ให้จำเลยชดใช้หรือคืนเงิน 724,740 บาท ตาทที่โจทก์ขอแก่สำนักงานเขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 

เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาคกลาง ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยมีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้

สำหรับกฎหมายอาญามาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 158 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์หรือเอกสารใดอันเป็นหน้าที่ของตนที่จะปกครองหรือรักษาไว้ หรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำเช่นนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท

มาตรา 161 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

มาตรา 265 ระบุว่า ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท

มาตรา 268 ระบุว่า ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ

ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น หรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นเองให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียว

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...