กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฉลองครบรอบ 98 ปี วันที่ 16 มกราคม 2564 ก้าวสู่ปีที่ 99 ด้วยพลังและความหวัง ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทุกภาคส่วนต้องการกำลังใจและพลังแรงบวกส่งถึงกันและกัน วางคอนเซปการดำเนินงาน ‘Powered by DBD’ ที่พร้อมเสริมพลังให้ผู้ประกอบการไทยดำเนินธุรกิจด้วยความแข็งแกร่ง และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้มีความมั่นคง
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “วันที่ 16 มกราคม 2564 กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีอายุครบ 98 ปี โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรมฯ ได้ดำเนินการพัฒนาการให้บริการมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา/ค่าใช้จ่าย และได้รับความพึงพอใจสูงสุด ขณะเดียวกัน ก็ต้องเผชิญกับความท้าทาย การเปลี่ยนแปลง และการบริหารความเสี่ยงบนบริบทการเปลี่ยนผ่านทั้งของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศไทยที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นที่พึ่งแก่ภาคธุรกิจและประชาชนทุกระดับอย่างเท่าเทียม โดยต้องมีการบริหารราชการอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ควบคู่ความพอเหมาะกับงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับการจัดสรร ซึ่งตลอดระยะเวลา 98 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมฯ ทุกคนได้ปฏิบัติราชการอย่างเต็มความรู้ความสามารถ บริหารราชการอย่างมีธรรมาภิบาล ทำให้จนถึงปัจจุบัน กรมฯ ได้รับการขนานนามว่า‘เป็นหน่วยงานภาครัฐชั้นนำด้านบริการหน่วยงานหนึ่งของประเทศ’ และพร้อมเป็นภาคีเครือข่ายกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความเติบโตและความมั่นคงแก่ระบบเศรษฐกิจ”
“ในโอกาสที่กรมฯ กำลังก้าวสู่ปีที่ 99 ซึ่งเป็นปีที่ทุกคนต้องการกำลังใจและพลังแรงบวกในการผลักดันให้สามารถเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกล้วนแต่ได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น รวมทั้ง เป็นปีที่สุดแสนท้าทายสำหรับทุกภาคส่วนในการบริหารกิจการและกำหนดทิศทางการดำเนินชีวิตให้ผ่านพ้นวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างบอบช้ำน้อยที่สุด””
อธิบดีฯ กล่าวต่อว่า “กรมฯ ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีความเข้มแข็ง สามารถแข่งขันได้ในทุกเวทีการค้า ได้กำหนดแคมเปญพิเศษ ‘Powered by DBD’ ขึ้นในโอกาสการก้าวเข้าสู่ปีที่ 99 รวมทั้ง ใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานตลอดปี มีเป้าหมายสำคัญ คือ ‘การเสริมพลังสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการและเอสเอ็มอีไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีความมั่นคง’ โดยผลักดันให้ธุรกิจไทยมีศักยภาพด้านการผลิตและการบริหารจัดการที่ดีขึ้น ได้แก่ 1) ธุรกิจไทยมีผลิตภาพที่สูงขึ้น มีความสามารถในการแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2) ธุรกิจไทยมีภูมิคุ้มกันที่ดี มีความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่มีความผันผวน ไม่แน่นอน และซับซ้อน และ 3) การกระจายผลประโยชน์จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง มีความเท่าเทียมกัน และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม”
“สำหรับรูปแบบการเสริมพลังให้ผู้ประกอบการไทย คือ การให้ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจและความรู้ที่มีความจำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ รวมทั้ง กำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้ มีการใช้ระบบเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI มาช่วยในการแก้ปัญหา ‘ปิดจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง’ เพื่อลดต้นทุน สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการ รวมทั้งสร้างโอกาสทางการตลาดโดยขยายช่องทางการตลาดให้มีความหลากหลายครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ปรับเปลี่ยนแนวคิดโดยใช้ความต้องการของตลาดเป็นตัวกำหนดการผลิตสินค้าและบริการ ภายใต้นโยบาย ‘ตลาดนำการผลิต’ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการธุรกิจ พัฒนาเทคโนโลยีให้สอดรับกับ ‘วิถีปกติใหม่’ (New Normal) เพื่ออำนวยความสะดวกภาคธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมก้าวสู่วิถีธุรกิจในยุคถัดไป (Next Normal) ด้วยความมั่นคง”
“นอกจากนี้ ยังส่งเสริมธุรกิจที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการค้าของประเทศ เช่น ธุรกิจบริการ ธุรกิจแฟรนไชส์ ผู้ประกอบการโอทอป เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club สินค้าชุมชน ตลอดจน การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย ด้วยการยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการร้านค้าส่งค้าปลีกตามเกณฑ์มาตรฐาน และพัฒนาสู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย ให้ร้านโชวห่วยในพื้นที่เป็นกลไกกระจายรายได้และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น เนื่องจากเป็นแหล่งจัดหาสินค้าอุปโภคบริโภคของชุมชน เป็นช่องทางการกระจายสินค้าโอทอป และสินค้าชุมชนต่างๆ เป็นแหล่งจ้างงานที่สำคัญช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มีความเข้มแข็ง พร้อมทั้งสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุนด้วยหลักประกันทางธุรกิจ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ร่วมลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน”