นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ว่า จากสำรวจตัวเลขการใช้จ่ายของประชาชนตั้งแต่ปลายปี 2563 ก่อนเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ พบว่าคนไทยจึงมีความระมัดระวังสูงและการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปีใหม่ปรับตัวลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจระดับหนึ่ง จึงประเมินว่าในแต่ละเดือนจะมีเงินหายจากระบบเศรษฐกิจประมาณ 100,000 ล้านบาทต่อเดือน แต่คาดว่าเมื่อรัฐบาลออกมาตรการเยียวยาต่างๆ ทั้งจ่ายเงินเยียวยาเดือนละ 3,500 บาท เป็นเวลา 2 เดือน หรือโครงการคนละครึ่ง จะเป็นการช่วยเหลือภาคเอกชนและประชาชนในเบื้องต้นให้สามารถพยุงตัวได้ในไตรมาสแรกนี้ อีกทั้งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไปได้ และหากภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วต่อเนื่องในไตรมาส 2-4 ประกอบกับมีวัคซีนโควิด-19 และฉีดให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง เชื่อว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นและหากในครึ่งปีแรกและสถานการณ์โควิด -19 ทั่วโลกลดลง ก็จะเป็นผลดีต่อการส่งออกของไทย รวมทั้งหากเปิดประเทศก็จะส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามมองว่าหากรัฐบาลพยายามควบคุมโควิด -19 ดูแลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ พยายามดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไป เชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้กลางปีและปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 2-3 ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเป็นการฟื้นตัวที่ค่อยเป็นค่อยไป แต่จะเข้มแข็งโดยทั้งคนไทยและทั่วโลกจะได้ประโยชน์มากขึ้น