พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเปิดการสัมมนาทางวิชาการเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมสหกรณ์ ครบรอบ 44 ปี ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ มีภารกิจในการส่งเสริมพัฒนาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรให้เป็นสถาบันที่เข้มแข็ง เป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหา พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องการสร้างความมั่นคงในอาชีพและชีวิตให้กับสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุน รายได้สูงขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงต้องมีการพัฒนาสหกรณ์ให้ได้มาตรฐานบนหลักการที่ถูกต้องและชัดเจนบนพื้นฐานหลักธรรมาภิบาล สร้างให้สหกรณ์เข้มแข็งเป็นที่ยอมรับ โดยขยายการให้บริการที่เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกอย่างแท้จริง จะส่งผลให้สมาชิกสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และเป็นการยกระดับสหกรณ์ให้ได้มาตรฐาน จึงได้มีการจัดสัมมนาดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รำลึกถึงวันคล้ายวันสถาปนาและรับทราบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ 2560
" กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในมาตรการลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันสินค้าเกษตร โดยระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ เกษตรอินทรีย์ การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร และธนาคารสินค้าเกษตร ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถพัฒนาการทำงานไปสู่การเป็น Smart Officer โดยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเป็นเครื่องมือในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วย " พลเอก ฉัตรชัย กล่าว
ด้านนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ดำเนินงานตามภารกิจหลักในการส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งการขับเคลื่อนโครงการสำคัญ สามารถเข้าแนะนำ ส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรครบตามเป้าหมายแล้ว จำนวน 13,522 แห่ง และได้เผยแพร่ความรู้ อุดมการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์ให้แก่บุคลากรสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และประชาชนทั่วไป จำนวน 3,293,774 ราย ทำให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจกับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร จำนวน 5,488,202 ราย โดยเป็นสมาชิกที่มาใช้บริการเพิ่มขึ้นจำนวน 711,550 ราย ซึ่งส่งผลให้มีปริมาณธุรกิจเพิ่มขึ้น จำนวน 4,820 แห่ง โดยมีปริมาณธุรกิจรวม 2.159 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 186,482 ล้านบาท มีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่สามารถปิดบัญชีได้แล้ว จำนวน 8,843 แห่ง
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2560 คาดว่าจะสามารถส่งเสริม แนะนำ และพัฒนาสหกรณ์และกลุ่มเกษตร มีเป้าหมาย 13,193 แห่ง ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิกได้รับประโยชน์มากกว่า 11 ล้านคน และส่งผลต่อสมาชิกในครอบครัวของสมาชิกประมาณ 30 ล้านคน สามารถขับเคลื่อนปริมาณธุรกิจของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 หรือมีมูลค่ารวมคิดเป็นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับ GDP ของประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถพัฒนาและยกระดับสู่ ชั้น 1 ไม่น้อยกว่า 4,629 แห่ง หรือประมาณร้อยละ 65 จะทำให้สหกรณ์มีความเข้มแข็ง เกษตรกร/สมาชิกสหกรณ์อยู่ดีกินดี มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยังยืนตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย