ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงความคืบหน้าอาการของ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ว่า จากการประชุมกรรมการแพทย์เรื่องการให้การรักษาผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันเสาร์ที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา เห็นว่า เนื่องจากผู้ว่าฯต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งทำให้มีเสมหะเยอะ และผู้ว่าฯต่อต้าน ดังนั้น เมื่อวันที่ 23 มกราคม จึงมีปรับการรักษา จึงแจ้งต่อภรรยาและลูกสาวของผู้ว่าฯว่าจะทำการเจาะคอ ทำให้การระคายเคืองลดลง ผู้ว่าฯ ไม่ต่อต้าน
ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ทั้งนี้ การเจาะคอทำให้ดูแลได้ง่ายขึ้น การดูดเสมหะทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งในทางปฏิบัติการดูดเสหะได้ง่ายขึ้น และลมเข้าปอดดีขึ้น ทำให้การควบคุมการหายใจดีขึ้น ถือว่าการเจาะคอ 48 ชั่วโมง ดีขึ้น
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มกราคม ไข้ลดลง ในเวลาประมาณ 20.00 น. นำตัวผู้ว่าฯไปเอกซเรย์เพื่อดูการทำงานของปอด และการทำงานของสมอง ผลเอกซเรย์เพิ่งออกมาวันนี้ (25 ม.ค.) พบว่าปอดมีการอักเสบ บางส่วนมีการบ่งชี้ว่าเยื่อพังผืดเกิดขึ้น เป็นปฏิกิริยาตอนสนองต่อการอักเสบ ส่วนหลอดเลือดในปอดทุกอย่างเรียบร้อยดี ส่วนสมองก็เรียบร้อยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้น ที่ต้องติดตามอยู่คือการทำงานของปอด เพราะต้องใช้ยาเยอะ
สำหรับการพิจารณาปลูกถ่ายปอด ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะมีการปลูกถ่ายปอด แต่ประสบการณ์ทั่วโลกพูดถึงว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่มีการรายงานในวารสารการแพทย์ ว่าโควิดทำลายเนื้อปอดจนไม่เหลือเนื้อปอดจนสามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง ต่างประเทศจึงมีการเปลี่ยนอวัยวะโดยเอาปอดคนอื่นมาใส่ แต่ไม่ง่าย และโดยทั่วไปไม่ได้ทำ เพราะต้องการให้ใช้อวัยวะของตัวเองมากกว่า เพราะถ้าใช้ของคนอื่น ต้องให้ยากดภูมิซึ่งต้องให้ไปตลอด และจะมีผลกระทบ
ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิดต้องเจาะคอเช่นเดียวกัน และมีบางคนต้องใช้ปอดเทียมเข้าช่วย ซึ่งที่รอดก็มี ที่เสียชีวิตก็มี แต่ท่านผู้ว่ายังไม่ต้องใช้ปอดเทียม ทั้งนี้ อย่าคิดว่าโควิดรอบนี้ไม่หนัก เพราะคนที่อาการหนักก็รุนแรงมากจริงๆ