การเปิดแถลงข่าวผลสรุปการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเก้งเผือกสายพันธุ์พระราชทานหายไปจากสวนสัตว์สงขลา ของคณะกรรมการชุดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่มีนายเฉลิมชัย ปาปะทา ผู้ตรวจราชการ ทส. เป็นประธาน อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2564 ที่ผ่านมา
สาธารณชน คงได้รับทราบกันไปแล้วว่า ผลตรวจสอบซากกระดูกสัตว์ที่สวนสัตว์สงขลาส่งมาตรวจสอบลายพิมพ์ทาง DNA (DNA FINGERPRINT FOR PARENTAGE ANALYSIS) ไม่ใช่เก้งเผือก และไม่มีความสัมพันธ์เป็นลูกของคุณมูมู่ แม่ลูกเก้งเผือกที่หายไป
ความน่าจะเป็นสำหรับกรณีนี้ คือ 'คุณภูมิ' ลูกเก้งเผือกตัวแรก ที่หายไป ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการถูกงูเหลือมกิน แต่ถูกนำตัวออกไปจากสวนสัตว์สงขลา โดยบุคคลที่ถูกต้องสงสัยมากที่สุด คือ 1 ในคนเลี้ยงคุณภูมิ ที่จากการสืบประวัติมีความน่าสงสัย เคยต้องคดีอาญา และคาดว่าจะมีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคนเลี้ยงต้องสงสัยรายนี้ได้ในช่วงเดือน ก.พ.นี้
นอกจากนี้ คณะกรรมการสอบสวน ยังเห็นควรให้องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (อสส.) ตรวจสอบสวนสัตว์ทุกแห่งเพื่อให้ได้มีการปรับปรุงรายละเอียดบัญชีสัตว์ ทะเบียนสัตว์มีชีวิต การจัดทำข้อมูลประจำตัวสัตว์ให้เป็นปัจจุบัน รวมถึงปรับปรุงการจัดการพื้นที่เลี้ยงในส่วนจัดแสดงรวมถึงดูแลด้านโภชนาการ การสุขาภิบาล การบำบัดน้ำเสีย การกำจัดของเสีย การควบคุมโรค การดูแลรักษาสัตว์ การจัดสวัสดิภาพสัตว์ ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย การปฏิบัติการและมาตรการฉุกเฉินต่างๆ เพื่อให้การดำเนินของสวนสัตว์ทุกแห่งมีความโปร่งใส เปิดเผย พิสูจน์ได้ โดยฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเกี่ยวกับการค้าสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่าของสวนสัตว์ทุกแห่ง อันจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของสวนสัตว์ทุกแห่งและองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยได้ต่อไปในอนาคต
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นายชวลิต ชูขจร ประธานคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เพื่อตอบคำถามสำคัญต่างๆ ต่อกรณีนี้เป็นทางการ
ปรากฎรายละเอียดดังต่อไปนี้
@ องค์การสวนสัตว์ จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เกี่ยวกับผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการฯ ชุดทส.?
ชวลิต ชูขจร : ได้สั่งการให้ฝ่ายบริหารองค์การสวนสัตว์ ไปกำหนดประเด็นสำคัญเกี่ยวกับผลการสอบสวนที่ออกมาให้ชัดเจนแล้ว ว่า อสส.จะต้องดำเนินการเรื่องอะไรบ้าง นับจากนี้ไป และที่ผ่านมาทำอะไรไปแล้วบ้าง โดยให้นำข้อมูลทั้งหมดเข้าเสนอต่อที่ประชุมบอร์ด อสส. ในวันที่ 29 ม.ค.2564 นี้
"ในส่วนของคนเลี้ยงลูกเก้งนั้น ก่อนหน้านี้ อสส. ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีการเล่นพนันไปแล้ว หลังจากถูกตํารวจจับกุมตัวส่งฟ้องศาลข้อหาเล่นการพนัน และศาลมีคําตัดสินรอการลงโทษปล่อยตัวออกมา เบื้องต้นมีการสรุปผลการสอบสวนให้มีการสอบวินัยไปแล้ว แต่ในส่วนข้อสงสัยว่าคนเลี้ยงรายนี้ จะเกี่ยวข้องกับกรณีการหายตัวไปของลูกเก้งเผือกหรือไม่นั้น เนื่องจากในชั้นการสอบสวนของ อสส. เจ้าตัวยังให้การปฎิเสธอยู่ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ เมื่อผลการสอบสวนของ ทส.ออกมาแบบนี้ ฝ่ายบริหาร อสส. คงจะต้องเข้าไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้เข้ามาสอบสวนคดีส่วนนี้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่งด้วย"
@ มีข่าวว่าลูกเก้งเผือกที่หายไป ไปอยู่กับนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง ?
ชวลิต ชูขจร : "เท่าที่ได้รับรายงาน จากการสอบสวนข้อมูลในพื้นที่ มีการพูดกันถึงเรื่องนี้ ว่า ลูกเก้งเผือกที่หายไป อาจจะไปอยู่กับนายทุนในพื้นที่บางราย โดยตั้งประเด็นจากกรณีที่คนเลี้ยงมีประวัติการเล่นพนัน กรณีที่ลูกเก้งถูกขโมยออกไป ก็อาจจะไปอยู่ในมือของนายทุน ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องหนี้สินจากการพนัน ซึ่งก็มีการพูดซัดทอดกันไปมา แต่ยังไม่ได้มีการระบุชื่อใคร และเราก็ไม่เห็นตัวลูกเก้ง หลักฐานยังไปไม่ถึง แต่เข้าใจว่าเรื่องนี้คงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเข้ามาสอบสวนต่อไป"
@ ทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุด ทส. เสนอให้มีการตรวจสอบข้อมูลสวนสัตว์ในสังกัดทุกแห่ง?
ชวลิต ชูขจร : เรื่องการตรวจสอบสวนสัตว์ทุกแห่ง ความจริงทางบอร์ดบริหารอสส. เราได้สั่งเริ่มดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยการตั้งคณะทำงานขึ้นชุดหนึ่ง เรียกว่า "ผู้ตรวจการสวนสัตว์" มีตัวแทนจากหน่วยงานภายนอก ทั้งภาครัฐและเอกชนมาเข้าร่วม การทำงานจะแบ่งออกเป็น 2 สาย ๆ ละ 3 คน เพื่อทำหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อมูลการดำเนินงานของสวนสัตว์ในสังกัด อสส. ทั้ง 7 แห่ง ให้เป็นไปตามมาตรฐาน
โดยจะเริ่มต้นการตรวจสอบครั้งแรก ที่สวนสัตว์เขาเขียวแห่งแรก โดย คณะผู้ตรวจการฯ จะลงไปตรวจสอบข้อมูลพร้อมกันทั้ง 2 สาย เพื่อให้รับทราบภาพรวมการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนที่จะแยกสายไปตรวจสอบสวนสัตว์แห่งอื่นๆ
@ เมื่อถามว่า ในข้อเท็จจริงแล้ว การบริหารงานของสวนสัตว์แห่งต่างๆ มีปัญหาทั้งหมดจริงหรือไม่?
ชวลิต ชูขจร : "ผลการสอบสวนของคณะกรรมการชุด ทส. ที่ออกมาชี้ประเด็นไปที่การบริหารงานของสวนสัตว์สงขลาเป็นหลัก ขณะที่สวนสัตว์แห่งอื่นๆ ไม่ค่อยมีปัญหามากนักการบริหารงานผ่านมาตรฐานรับรองอยู่แล้ว"
อย่างไรดี ผลการตรวจสอบในส่วนของสวนสัตว์สงขลา ที่ออกมา ถือเป็นข้อมูลสำคัญ สามารถที่จะนำไปใช้เป็นโมเดล ในการบริหารจัดการในอนาคตให้กับสวนสัตว์แห่งอื่นๆ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงานให้ดีมากยิ่งขึ้นได้
@ จะถือเป็นการล้างระบบสวนสัตว์รัฐใหม่หรือไม่?
ชวลิต ชูขจร : เกี่ยวกับการยกเครื่องล้างระบบการบริหารงานสวนสัตว์ใหม่นั้น นับตั้งแต่เกิดกรณีลูกเก้งเผือกหายใหม่ๆ บอร์ดก็ได้มีคำสั่งให้มีการปรับปรุงแก้ไขระบบการบริหารงานของสวนสัตว์ทุกแห่งไปหลายส่วนแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงระบบการแจ้งจำนวนประชากรสัตว์ป่า ทั้งกรณีป่วยหรือตาย ให้เป็นปัจจุบันมาที่สุด ขณะที่ ระบบการบริหารงานบุคคลก็ได้ดำเนินการไปแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะการอยู่ในตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูง ที่ไม่ควรจะอยู่นานเกินไป บางคนอยู่มานานเป็น 10 ปี หรือ 8 ปี แต่ต่อไปนี้ จะให้อยู่ได้แค่ไม่เกิน 4 ปีเท่านั้น
ขณะที่กระบวนการของบประมาณเพื่อนำไปใช้ทำโครงการก่อสร้าง ที่ในอดีตมีการของบประมาณเข้ามาเป็นจำนวนมากเกินความจำเป็น และไม่เหมาะสม เช่น การสร้างแหล่งน้ำบนที่สูงทำให้เก็บน้ำได้น้อย หรือแหล่งน้ำสำหรับสัตว์อย่างฮิปโป ที่ไปสร้างอยู่บนที่สูงฮิปโปขึ้นไปกินไม่ได้ เพราะมีน้ำหนักตัวมาก หรือการขอสร้างสิ่งปลูกสร้างเป็นร้อยแห่ง เป็นต้น ซึ่งปัญหาแบบนี้จะต้องหมดไป และคิดว่าคณะผู้ตรวจการสวนสัตว์ ที่ตั้งขึ้นมาน่าจะเข้ามาช่วยดูแลเรื่องเหล่านี้ได้