นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้รวมในปี 2563 ที่ 167,418 ล้านบาท ลดลง 16% จากปี 2562 ซึ่งมีรายได้รวม 198,822 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักมาจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยลดลง 18% มาอยู่ที่ 38.92 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อเทียบกับ 47.24 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 62 ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลงมากในปี 63 สืบเนื่องจากความต้องการใช้พลังงานที่ลดลงจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประกอบกับในปี 63 บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 บริษัทมีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 354,052 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เมื่อเทียบกับ 350,651 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 62 อย่างไรก็ตามจากปัจจัยทั้งหมด ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิในปี 2563 ที่ 22,664 ล้านบาท ลดลง 54% จากปี 62 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 48,803 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทยังคงสามารถรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ที่ 30.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา(อีบิทดา) ที่ 68% ซึ่งเป็นไปตามที่บริษัทได้คาดการณ์ไว้ และยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งด้วยเงินสดในมือ 114,261 ล้านบาท