นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดวิสัยทัศน์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตโดยคณะกรรมการร่วม เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต และเห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์และบรรลุพันธกิจร่วม 4 พันธกิจ ได้แก่ *การสร้างและใช้ข้อมูลจากฐานเดียวกัน (Single Big Data) *การสร้างแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” *การสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับ และ *การพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด
สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะประธานอนุกรรมการร่วมขับเคลื่อนการสร้างแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” พร้อมด้วยหน่วยงานภายใต้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการประชุมหารือร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ผ่านระบบ Zoom เพื่อรวบรวมข้อมูลแพลตฟอร์มที่มีอยู่ของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยจะหาทางเลือกที่ดีที่สุดของการออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด”เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าไทย เช่น สงครามการค้า โรคโควิด-19 เทคโนโลยีสมัยใหม่ และประเด็นด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และประชากร
อธิบดี กล่าวต่อว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานการสร้างแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เพื่อช่วยสนับสนุนและเกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ตลอดจนเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และทำการตลาดสินค้าเกษตรได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเชื่อมโยงและสร้างโอกาสทางการค้าสินค้าเกษตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น สินค้าเกษตรอินทรีย์ สินค้าเกษตรปลอดภัย สินค้าเกษตรอัตลักษณ์ และสินค้าเกษตรแปรรูป ช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการชุมชนให้สามารถขยายช่องทางการตลาดสู่ออนไลน์ได้ สร้างความมั่งคงในเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นไปจนถึงประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก
“การร่วมกันออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มกลางเกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการผลักดันเกษตรกรให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ ส่งเสริมและผลักดันสินค้าเกษตรเข้าสู่ช่องทางออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซมากขึ้น ช่วยขยายช่องทางการตลาดให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกันช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และมูลค่าทางการค้า พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเข้มแข็ง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติที่มุ่งยกระดับผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ เพิ่มรายได้ ให้คนในท้องถิ่น รวมทั้ง ช่วยให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าเกษตรคุณภาพดีจากมือเกษตรกรได้โดยตรง สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในท้องถิ่นสามารถขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ออนไลน์ได้”