สั่งสอดส่องผู้มีอิทธิพล-นายทุนบุกรุกผืนป่า ชงตั้งหน่วยดับไฟป่าแห่งชาติปีหน้า บอกปัญหา “ภูทับเบิก” ไม่สายจนเกินไปที่จะจัดระเบียบ ชี้รีสอร์ตตั้งอยู่พื้นที่ลาดชัน เสี่ยงพังทลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือและการป้องกันรักษาพื้นที่ป่าที่สโมสรบันเทิงทัพ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จ.พิษณุโลก โดย มี ดร.วิจารย์ สิมาฉายา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ, ดร.ชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้, พล.ต.ธนา จารุวัต รองแม่ทัพภาคที่ 3 ตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัด 9 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมหัวหน้าป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 -4 (เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ตาก) และสาขาแม่ฮ่องสอน แพร่ นครสวรรค์ พิษณุโลก ตลอดจน ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทั่วภาคเหนือ ร่วมประชุมวางแนวทางป้องกันปัญหาหมอกควันไฟป่า และแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ดินป่าไม้ (กรณีตัดไม้ยางพาราและเขาหัวโล้น) ทั้งนี้ ในปี 2558 ภาคเหนือได้รับผลกระทบจากปัญหาไฟไหม้ป่า หมอกควัน จากการเผาหญ้าของการเกษตร รวมถึงปัญหาหมอกควันจากประเทศอินโดนีเซียที่ทะลักเข้าปกคลุมในพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบสูงสุด จ.ลำปาง รองมาคือ จ.ตาก และ จ.เชียงใหม่ ดังนั้นจึงจะเสนอ ครม.ตั้งหน่วยงานดับไฟป่าแห่งชาติขึ้นในปี 2559 เพื่อเป็นหน่วยงานในการขับเคลื่อนสกัดไฟป่า โดยเฉพาะในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติต่างๆ ให้เกิดความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งหวังให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินป่าไม้ ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือให้สำเร็จเป็นรูปธรรม โดยกองทัพภาคที่ 3 พร้อมที่จะสนับสนุนและปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานป่าไม้
พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันดีเดย์ความร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเพื่อหยุดยั้งปัญหาระยะยาว ซึ่งได้พูดคุยในระดับอำเภอ หมู่บ้าน เพื่อแจ้งจุดเกิดเหตุได้รวดเร็ว โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ผสานกำลังนำอุปกรณ์ดับไฟป่าเข้าไปดำเนินการหยุดยั้งปัญหาให้ได้ ถ้าทำสำเร็จก็สามารถหยุดไฟไหม้ป่าและปัญหาหมอกควันได้ และปีที่ผ่านมาได้ใช้กฎหมายจับกุมคนเผาป่า 87 ราย ปีนี้ไม่อยากให้มีผู้กระทำผิดมากขึ้น ขอให้ช่วยกันทำความเข้าใจต่อประชาชนให้เห็นถึงปัญหาของการเผาป่าว่ามีความรุนแรง ส่วนกรณีเขาหัวโล้นซึ่งมีการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 25 ตัดสวนยางพาราที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนนั้น วันนี้ทราบว่า มีผลลัพท์การทำงานตามเป้าหมาย
“แต่ต่อไปในห้วง 6 เดือนนับจากนี้ ต้องสอดส่องผู้มีอิทธิพล นายทุนบุกรุกพื้นที่ป่า ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องต้องปราบผู้มีอิทธิพลด้วย”
ข่าวแจ้งว่า กรณีปัญหาภูทับเบิก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ที่มีธรรมชาติสวยงาม มีคนขึ้นไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่พื้นที่ดังกล่าวไม่มีการจัดระเบียบมาก่อนจึงต้องจัดการ วันนี้ถือว่ายังไม่สายจนเกินไป ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะร่วมเข้าไปวางแผนจัดระเบียบให้เรียบร้อย สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว หากจัดระเบียบพื้นที่ภูทับเบิกแล้วเสร็จ นักท่องเที่ยวจะทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะปัจจุบันพบว่ารีสอร์ตที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลาดชัน หากมีฝนตกหนักอาจเกิดการพังทลายเป็นอันตรายได้